อ้างรับเฟส 5-ทั่วโลกยังแรง ลุ้นข่าวดีเร่งทดสอบ "วัคซีน" ไม่ต้องฉีดลิงขอข้ามไปคน
ศบค.ชุดเล็กยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ตั้งแต่ 1-31 ก.ค. หลังปลดล็อกกิจกรรม/กิจการต่างๆในเฟส 5 ที่มีความล่อแหลมเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 ยันขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่มีนัยการเมืองแค่ต้องการคุมโรค ขณะที่อนุทินเผยไทยมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไตรมาสแรกปี 64 และเล็งทดลองวัคซีนโควิด-19 ชนิด DNA ในคนปลายเดือน ก.ค.คู่ขนานการฉีดในลิง ชี้หลายประเทศใช้เทคนิคเดียวกันได้ผลดี อุทยานฯเขาใหญ่ ทดสอบระบบรับนักท่องเที่ยวที่จะมีการเปิดอุทยานฯทั่วประเทศ 1 ก.ค. ทั่วโลกป่วยไวรัสมรณะพุ่งไป9.5 ล้านรายแล้ว อินเดียก็อ่วมป่วยมากกว่า 4 แสนคน
ศบค.ชุดเล็กมีมติให้ยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ค. เพื่อรองรับการผ่อนคลายล็อกดาวน์ สำหรับกิจกรรม/กิจการที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19
นายกฯเรียกถก ศบค.วงเล็ก
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 มิ.ย.ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรียกประชุม ศบค.ชุดเล็ก เพื่อรายงานผลการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ และ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุม
...
ห่วงโควิดโลกยกการ์ดให้สูง
พล.อ.สมศักดิ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า นายกฯเห็นด้วยกับผลประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. โดยจะผ่อนคลายมาตรการให้ประชาชนดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด แต่นายกฯยังห่วงสถานการณ์ระบาดระดับโลก ดังนั้นการผ่อนคลายต้องมีมาตรการเข้มข้นข้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.อ.สมศักดิ์ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ.ได้ขึ้นไปพบและพูดคุยกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ต่อมา พล.อ.สมศักดิ์เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายวิษณุว่า เป็นการเข้ารายงานผลการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.เช่นเดียวกับที่รายงานนายกฯ รวมถึงหารือข้อกำหนดที่จะออกมาในการผ่อนคลายระยะที่ 5
ปลัด สธ.ย้ำความร่วมมือ ปชช.
นพ.สุขุมกล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ปัจจุบันกิจกรรมต่างๆในประเทศเปิดให้บริการเป็นจำนวนมากแล้วต้องยอมรับว่าสถานการณ์ดีขึ้น ไม่พบผู้ติดเชื้อรวม 31 วันแล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ที่มีการแพร่ระบาดระลอก 2 เพราะความร่วมมือเป็นอย่างดีของประชาชนเป็นสาเหตุให้รัฐบาลมั่นใจในการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตปกติ เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวด หากได้รับความร่วมมือทุกอย่างจะดีขึ้น ส่วนข้อเสนอของสาธารณสุขต่อการขยาย พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นเป็นเรื่องนโยบาย อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ
สมช.ยัน 1 ก.ค.เปิดทุกอย่าง
ต่อมา พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงภายหลังการประชุม เพื่อประเมินขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. มีการพิจารณาการผ่อนคลายกิจกรรม/กิจการระยะที่ 5 เริ่มวันที่ 1 ก.ค. เรียกได้ว่ามีการผ่อนคลายทั้งหมด เช่น การเปิดเรียน ไม่จำกัดเวลาในการเปิดห้างสรรพสินค้า สถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบ อบ นวด ร้านเกม รายละเอียดตรงนี้ต้องเสนอให้ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ในวันที่ 29 มิ.ย. ส่วนการแข่งขันกีฬาจะให้มีผู้เข้าชมได้เมื่อไหร่ ต้องรอดูการผ่อนคลายระยะที่ 5 ถ้าสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น รวมถึงสถานการณ์โลกดีขึ้นค่อยพิจารณา
เฟส 5 ล่อแหลมใช้ พ.ร.ก.คุมต่อ
พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า วันนี้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เราดูในทุกมิติ ทั้งความมั่นคง ข่าวกรอง กฎหมายและสาธารณสุข เห็นควรให้ขยายเวลาออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค. เพราะกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายระยะที่ 5 มีความล่อแหลมต่อการระบาดของโควิดมากที่สุด เราให้ความสำคัญในการป้องกันจึงจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป หากไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องใช้กฎหมายถึง 5 ฉบับมาแทนที่ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะมีประสิทธิภาพเท่า เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกลไกสำคัญ กลยุทธ์การป้องกันโควิดของเราคือควบคุมไม่ให้มีการนำโรคจากต่างประเทศเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเราจะผ่อนคลายกิจกรรมที่ล่อแหลมจึงต้องคงเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพนี้ต่อไป และเรื่องนี้ยังเป็นเพียงการพิจารณาของชุดเฉพาะกิจยังต้องเข้าที่ประชุมศบค.และ ครม.ต่อไป
...
หัวเลี้ยวหัวต่อที่ทำมาจะสูญเปล่า
เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองออกมาโจมตีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีนัยทางการเมืองนอกเหนือจากการป้องกันโควิด พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่าการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีนัยทางการเมืองตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันและอนาคต วันที่ 24 มิ.ย. ที่มีการทำกิจกรรมทางการเมือง ก็ไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะมี พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะอยู่แล้ว เราใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยเหตุผลทางสาธารณสุขเป็นหลักที่สำคัญช่วง 1 เดือนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะสถานการณ์โลกยังมีความน่าเป็นห่วง แม้ประเทศเราดีแต่กังวลเรื่องการระบาดรอบ 2 หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เราทุ่มเทมาจะสูญเปล่าเราจึงต้องมีมาตรการที่สร้างความมั่นใจป้องกันการแพร่ระบาด นั่นคือการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เปิดทางนักธุรกิจไม่ต้องกักตัว
พล.อ.สมศักดิ์ยังกล่าวถึงการพิจารณาทราเวลบับเบิลว่า เรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติ ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดประสานเข้ามา แต่การเดินทางของนักธุรกิจที่ปัจจุบันมีบางส่วนเดินทางเข้ามาแล้วต้องถูกกักตัว 14 วัน แต่เราจะพิจารณาในส่วนของนักธุรกิจที่เข้ามาเพียงไม่กี่วัน จะให้เดินทางไปทำธุรกิจต่อได้เลย ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องมีมาตรการที่เข้มข้น คือต้องมีการตรวจโควิดอย่างน้อย 3ครั้ง คือ ก่อนเดินทางเมื่อมาถึงและก่อนออกจากไทย เพื่อให้มั่นใจ รวมถึงระหว่างอยู่ประเทศไทยต้องสามารถติดตามตัวได้ตลอด คาดว่าจะให้นักธุรกิจยื่นเรื่องเข้ามาพิจารณาได้ตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป เบื้องต้นจะพิจารณา คือ นักธุรกิจจากญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง จีนบางเมือง โดยพิจารณาถึงต้นทางว่า มีขีดความสามารถทางสาธารณสุขใกล้เคียงกับเราหรือไม่ ที่สำคัญต้องประเมินแล้วว่า เข้ามาแล้วมีประสิทธิภาพกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่
...
ไฟเขียวท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
พล.อ.สมศักดิ์กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพื่อรักษาการเจ็บป่วยหรือการท่องเที่ยวเชิงอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ยืนยันว่าผู้ที่เข้ามาจะไม่ใช่การเข้ามาเพื่อรักษาโควิด-19 เพราะหากเป็นโควิดไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ตั้งแต่ต้น เวลาเข้ามาต้องอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน หากรักษาเสร็จสิ้นจะอยู่ต่อหรือไม่ก็ได้ ถือเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจ มีหลายชาติให้ความสนใจในส่วนนี้
นายกฯย้ำฝืนมาตรการก็ปิดได้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 14.50น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2563 ถึงการรับมือการผ่อนปรนกิจกรรม/กิจการระยะที่ 5 ในวันที่ 1 ก.ค. ว่า ต้องคิดรับมือไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจการทำมาหากินของประชาชนต้องมีมาตรการในระดับที่เข้มข้นอย่างไร เปิดแล้วปิดได้ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐ รัฐบาลต้องคิดให้รอบด้านจะปลดล็อกตรงไหนอย่างไร มีมาตรการไหนรองรับและลดความเสี่ยงได้บ้าง ขอบคุณประชาชนที่ร่วมมือมาตลอดที่ผ่านมา แต่มีหลายแห่งที่เห็นตามสื่อโดยเฉพาะสถานบริการต่างๆเริ่มไม่ระวัง ดังนั้นต้องสร้างความเข้าใจให้มีความรับผิดชอบสังคม ไม่เช่นนั้นหากระบาดรอบใหม่ทุกอย่างจะเสียหายหมด ฝากสื่อช่วยเตือนด้วยให้ทุกคนเคร่งครัดและเข้มงวดกับตัวเอง ดูแลตัวเองและคนอื่น เรียกว่ารวมไทยสร้างชาติ ต้องร่วมมือกัน ตนยินดีรับฟังหากเสนออะไรที่เป็นประโยชน์ รับปากอะไรที่ดูแลได้จะช่วยดูแล
...
คุมโควิด–19 อย่างสมดุล
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวง ในฐานะประธานคณะกรรมการประมวลสถานการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจะทำให้ไทยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์ตลอด ต้นทุนจะสูงมากเพราะต้องล็อกทุกอย่าง ซึ่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมกับการควบคุมโรคจะสูงมาก แต่หากปล่อยให้ผู้ป่วยโควิด-19 สูงมาก จนระบบสาธารณสุขรองรับไม่ได้ ตอนนั้นก็จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจประเทศเช่นกัน ทั่วโลกนั้นไทยเป็นหนึ่งในการจำกัดการเดินทางที่มีความเข้มข้น สิ่งสำคัญเกี่ยวกับรายได้จากการท่องเที่ยวของไทย จีนมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย 27% จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด ทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศ 28% หากไทยทำทราเวลบับเบิล หรือการจับคู่ด้านการท่องเที่ยวกับจีนในระยะยาวไทยก็จะได้รายได้นี้กลับมา
เลือกจับคู่เที่ยวประเทศเสี่ยงต่ำ
นพ.ศุภกิจกล่าวว่า มีหลายประเทศที่จะทำทราเวลบับเบิลไม่ใช่เฉพาะไทย เช่น จีนเริ่มเปิดให้สายการบินต่างๆเข้าประเทศ แต่กำหนดจุดลง 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์และกำหนดมาตรการ เช่น หากไม่พบผู้โดยสารจากเที่ยวบินติดเชื้อเลยติดต่อกัน 3 สัปดาห์ จะเพิ่มเที่ยวบิน หากพบติดเชื้อ 5-9 รายก็ให้หยุดบิน 1 สัปดาห์ มากกว่า 10 รายก็ให้หยุดบิน 1 เดือน เป็นต้น สำหรับไทยและทั่วโลก เวลาจะเปิดจับคู่การเดินทางมีหลักการ คือ ดูประเทศที่จะจับคู่จากความเสี่ยงต่ำ กลาง สูง โดยดูจาก 2 เกณฑ์ ได้แก่ 1.จำนวนผู้ป่วยใหม่ เช่น ต่ำกว่า 50 ราย จำนวน 50-100 ราย จำนวน 100-1,000 ราย หรือมากกว่า 1,000 รายต่อวัน เป็นต้น 2.ดูว่าระบบในประเทศจะจัดการควบคุมเคสใหม่ได้หรือไม่ สำหรับไทยจะจัดทราเวลบับเบิล โดยจะเลือกประเทศเสี่ยงต่ำ เบื้องต้นคือ จีนบางเมือง ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น และดูจากความเสี่ยงระดับบุคคล เลือกคนที่มาทำธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ ครูในโรงเรียน ความเสี่ยงในเชิงกิจกรรม ไม่ใช่การเดินทางท่องเที่ยว
กำหนด 5 ขั้นตอนเข้าประเทศ
“มาตรการที่ไทยจะกำหนดดู 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1.มาตรการออกจากประเทศต้นทางก่อนมาถึงไทย 2.เมื่อขึ้นเครื่องบิน ขณะอยู่บนเครื่องต้องลดกิจกรรมระหว่างผู้โดยสารกับลูกเรือ มีการใส่หน้ากากตลอด หากผู้โดยสารไอ จาม ต้องมีการจัดแยกที่นั่ง ลูกเรือต้องมีชุด PPE ที่เหมาะสม เมื่อมาถึงสนามบินบางประเทศมีการกำหนดสนามบินที่ลง หรือแยกโซน เป็นต้น มีโรงแรมที่พักชัดเจน 3.ต้องตรวจเชื้อก่อน 72 ชั่วโมง เมื่อมาถึงต้องตรวจแล็บที่ไทย มีประกันค่ารักษาพยาบาลโรคโควิด-19 มีการตกลงกับโรงพยาบาลของรัฐหากเจ็บป่วยมีผู้ดูแล 4.การจะมาไทยได้ต้องอยู่ในประเทศที่เป็นทราเวลบับเบิลไม่น้อยกว่า 14 วัน 5.ต้องมีบริษัทห้างร้านออกหนังสือเชิญมา เพื่อให้มีผู้ควบคุม มีการลงโปรแกรมติดตามตัวได้ตลอดว่าอยู่ที่ไหนอยู่ไทยห้ามปิดมือถือหรือลบแอป เป็นต้น” นพ.ศุภกิจกล่าว
“จีน–ญี่ปุ่น” ยื่นรายละเอียดให้ไทย
นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า ปัจจุบันจีนและญี่ปุ่น ยื่นหนังสือที่เป็นทางการเข้ามาให้ไทย ส่วนใหญ่คิดเหมือนกันคือตรวจเชื้อก่อนเข้า-ออกประเทศ มีหนังสือเชิญจากประเทศต้นทาง เป็นต้น โดยหลักการไทยจะนำข้อเสนอต่างๆมาหารือและเจรจากันอีกครั้งก่อนจับคู่กัน แต่เบื้องต้นจะทำเป็นข้อตกลงร่วมกัน และผ่านคณะรัฐมนตรี เห็นชอบก่อนดำเนินการ มีหลายฝ่ายสงสัยว่า ถ้าประเทศที่ทำทราเวลบับเบิล คนไทยที่มาจากประเทศที่ทำทราเวลบับเบิลก็ทำเหมือนกัน คือไม่ต้องกักตัว เช่น หากทำกับญี่ปุ่น คนไทยกลับมาจากญี่ปุ่นก็ทำเหมือนกัน เป็นต้น แต่ต้องพูดคุยในรายละเอียดต่อไป ขอย้ำว่าเบื้องต้นจะเปิดเข้าเฉพาะกลุ่มไม่ใช่นักท่องเที่ยวและต้องรอ ศบค.ตัดสินใจอีกครั้ง
รายงานผลทดลองวัคซีน
ที่กระทรวงสาธารณสุข วันเดียวกัน บริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด เข้ารายงานผลการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด DNA ในหนูทดลอง ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หลังจากนั้น นายอนุทินเผยว่า การทดลองพบว่าให้ผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคดี เตรียมให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพและส่งเรื่องขอคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำวิจัยในมนุษย์ต่อไป หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ภายใน 9 เดือน คนไทยจะมีวัคซีนใช้สำหรับการทดลองในคนระยะที่ 3 ซึ่งต้องใช้กลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ระบาดของโรค มีหลายประเทศในเอเชียที่ประสานขอเข้าร่วมการทดลองในมนุษย์ด้วย ซึ่งอยู่ที่การเจรจาเงื่อนไขกัน บริษัทไบโอเนทฯยืนยันว่าต้องการให้นวัตกรรมนี้เป็นสมบัติของคนไทย คนไทยต้องได้รับวัคซีนก่อน บริษัทได้เตรียมความพร้อมผลิตในระดับอุตสาหกรรมไว้หมด รัฐบาลอำนวยความสะดวกเต็มที่บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน
ลัดขั้นตอนไปทดลองกับคน
ด้านนายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอเนทเอเชีย จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด DNA ผลการทดลองในหนูให้ผลดี จากนี้จะนำรายละเอียดไปหารือกับ อย. เพื่อให้มั่นใจเรื่องความปลอดภัย ปัจจุบันมีหลาย ประเทศทั้งในยุโรปและอเมริกา ประมาณ 3-4 เจ้าผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกันนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศเหล่านั้นให้การรับรองแล้ว องค์การอนามัยโลกก็ให้ ความมั่นใจ ดังนั้นในกรณีเร่งด่วนเช่นนี้เราสามารถลัดขั้นตอนไปทดลองมนุษย์ระยะที่ 1 ประมาณปลายเดือน ก.ค.-ส.ค.ได้เลย โดยไม่ต้องผ่านการวิจัยในลิง ส่วนรายละเอียดกลุ่มตัวอย่างที่จะใช้นั้นอยู่ระหว่างการวางแผนแต่จะใช้จำนวนไม่มาก อย่างไรก็ตาม เราจะมีการทดลองในคนระยะ 1 คู่กับการทดลองในลิงด้วย
มั่นใจทำสำเร็จไม่เกิน 9 เดือน
นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า จะนำข้อมูลผลการทดลองในหนูทดลอง ข้อมูลความปลอดภัยของการทดลองวัคซีนในต่างประเทศที่ใช้เทคนิคเดียวกันนี้และมีความปลอดภัยเหล่านี้ไปยื่นต่อ อย. เพื่อพิจารณาเรื่องการวิจัยในมนุษย์ จากประสบการณ์ และองค์ความรู้มั่นใจว่า การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิด DNA ถ้าเป็นไปตามแผนจะสำเร็จไม่เกิน 9 เดือนนับจากนี้ หรือประมาณไตรมาสแรกปี 2564 จะสามารถผลิตวัคซีนได้ อย่างน้อยก็สามารถให้กับกลุ่มเสี่ยงอย่างบุคลากรการแพทย์ได้ ส่วนการเตรียมพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนป้องโควิด-19 ชนิด mRNA ที่ผลิตโดยคนไทยตอนนี้ก็เตรียมพร้อมอยู่ไม่มีปัญหาอะไร
อย.ตรวจเข้มข้นก่อนอนุญาต
ขณะที่ นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า การพิจารณาอนุญาตให้มีการวิจัยในมนุษย์ อย.จะต้องดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักและดูอย่างเข้มข้น เพราะจะมีการพัฒนาข้ามขั้นตอนจากลิงมาคนเลย ดังนั้น ทางบริษัทไบโอเนทฯต้องนำข้อมูลความปลอดภัยมาแสดงอย่างรอบด้านว่า มีความปลอดภัยจริงๆ เช่น กรณีวัคซีนที่ประเทศอื่นๆ ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ได้รับการรับรองความปลอดภัยแล้วจริงๆ มีขั้นตอนอย่างไร ถ้าแสดงให้ อย.เห็นไม่ได้ก็ไม่อนุญาต แต่ถ้าแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยได้ก็จะอนุญาต ซึ่งการพิจารณาไม่เกินสัปดาห์หน้า
แรงงานไทยเนื้อหอมหลังโควิดซา
อีกด้าน น.ส.อรัญญา สกุลโกศล นายกสมาคมจัดหางานไทยไปต่างประเทศ กล่าวถึงการจัดส่งคนไทยไปทำงานในต่างประเทศช่วงโควิด-19 ว่า ก่อนหน้านี้รัฐมีนโยบายปิดสนามบิน จึงไม่มีการจัดส่งไปทำงาน แต่ขณะนี้เริ่มผ่อนคลาย เริ่มมีไฟลท์บินไปทำงานในไต้หวัน ตลาดแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของไทย นอกจากนี้ยังมีไปโปรตุเกส แต่การจัดส่งมีความยุ่งยากมาก ต้องคัดกรองโรค ไปถึงแล้วต้องกักตัว 14 วัน ปลอดภัยจึงส่งให้ทำงาน ในยามวิกฤติจากโควิด-19 ถือเป็นโอกาสดีของแรงงานไทย ที่ได้รับความสนใจจากนายจ้างต่างประเทศมากขึ้น จากการที่เห็นว่าไทยรับมือสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี จึงมีเปอร์เซ็นต์ปลอดภัยมากกว่าชาติอื่น ขณะนี้ในไต้หวันเริ่มทยอยลดโควตาคนงานจากประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม แล้วเปลี่ยนมาใช้คนไทย โดยจะไปทำงานอุตสาหกรรมตามโรงงานต่างๆ ก่อสร้าง แม่บ้าน ผู้ช่วยพยาบาล ขณะที่ญี่ปุ่นเริ่มพิจารณาแรงงานไทย เพราะเป็นต้นทางที่ทั่วโลกมองว่าดีกว่าประเทศอื่น
นศ.ไทยกลับจากอียิปต์ป่วยโควิด
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในไทย พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) แถลงที่กระทรวงสาธารณสุขว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 24 ปี อยู่ในสถานที่ กักกันตัวของรัฐ มาจากอียิปต์ ถึงไทยเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เข้าพักในสถานที่เฝ้าระวังของรัฐที่ จ.ชลบุรี ตรวจเชื้อครั้งแรกวันที่ 13 มิ.ย.ไม่พบเชื้อและตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 23 มิ.ย. พบติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ รวมผู้ป่วยสะสม 3,158 ราย เป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ 2,444 ราย ผู้ป่วยในสถานที่เฝ้าระวังของรัฐ 221 ราย ผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล 62 ราย ในวันนี้เป็นวันที่ 31 ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ
ผบก.น.9 มอบของขวัญจาก ผบ.ตร.
นอกจากนี้ ภายใต้โครงการขอบคุณตำรวจที่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 พร้อมด้วยรอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.สำเริง ผลรอด ผกก.สน.เทียนทะเล และกต.ตร.สน.เทียนทะเล ไปมอบของขวัญของ ผบ.ตร.และแจกสิ่งของอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสารอาหารแห้งกับของใช้จำเป็น บรรเทาความเดือดร้อนจากโควิด-19 ให้แก่ข้าราชการตำรวจ สน.เทียนทะเล พร้อมกับจัดเลี้ยงอาหารให้แก่ ตร.สน.เทียนทะเลและครอบครัว
ตกค้างต่างแดนกลับไทยต่อเนื่อง
วันเดียวกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังมีคนไทยตกค้างต่างแดนเพราะโควิด-19 เดินทางกลับไทยจำนวนมาก มีกลับจากสหรัฐอเมริการวม 199 คน เดินทางมากับสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ JL33 และจากสายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KE651 จากอิหร่านอีก 69 คน เดินทางมาด้วยสายการบิน Mahan Air เที่ยวบินที่ W5 พบผู้เดินทางมีไข้ 4 คน ตามด้วยคนไทยจากปานามา เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ ที่เดินทางมาโดยสายการบินเคแอลเอ็มแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KL875 รวม 5 คน กลับถึงประเทศไทย และคนไทยบังกลาเทศอีก 89 คน เดินทางมาโดยสายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ WE8126 และกระทรวงการต่างประเทศยังอนุญาตให้นักธุรกิจสัญชาติมัลดีฟส์ 1 คน เข้าประเทศไทย โดยสายการบินมัลดิเวียน เที่ยวบินที่ Q2 9350
ทดสอบระบบการเข้าเที่ยวอุทยานฯ
ในส่วนการท่องเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติ ที่กำหนดดีเดย์เปิด 1 ก.ค. นั้น ที่ด่านศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ นายดำรัส โพธิประสิทธิ์ ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ลงพื้นที่อุทยานฯเขาใหญ่ ทดสอบระบบการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอุทยานฯเขาใหญ่ ก่อนเปิดการท่องเที่ยวในอุทยานฯแห่งชาติ ทั่วประเทศ 127 แห่ง ตามมาตรการคลายล็อกสถานการณ์โควิด-19 ในวันที่ 1 ก.ค. โดยมีเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ ร่วมทดสอบระบบแอปพลิเคชัน QUEQ การสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ การคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนเข้าพื้นที่ ขณะที่ฝั่งด่านเนินหอม มีนายวรพจน์ แววสิงห์งาม รอง ผวจ. ปราจีนบุรี นายสว่าง กองอินทร์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ร่วมในการทดสอบระบบเข้าอุทยานฯ ทั้งนี้ อุทยานฯจะยึดการจองผ่านแอปพลิเคชันร้อยละ 70 และร้อยละ 30 สำหรับผู้ที่ไม่ได้จองล่วงหน้า โดยจองผ่านเว็บไซต์กรมอุทยานฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.เป็นต้นไป
กางเต็นท์เขาใหญ่ได้แค่ 1,500 คน
ด้าน นายดำรัสกล่าวว่า ช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 4-7 ก.ค. คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว มาเที่ยวอุทยานฯ โดยเฉพาะเขาใหญ่เป็นจำนวนมาก ในส่วนของลานกางเต็นท์บนอุทยานฯเขาใหญ่ จะปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวจากที่รองรับได้ 4,000 คน เหลือเพียง 1,500 คน แบ่งเป็นลานกางเต็นท์ลำตะคอง 800 คน ลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ 700 คน รวมทั้งมีมาตรการในการเว้นระยะจุดกางเต็นท์อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
สัปดาห์หน้ายอดติดเชื้อ 10 ล้าน
สำหรับความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ นายเทดรอส อดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประเมินว่าภายในสัปดาห์หน้า จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกจะสูงถึง 10 ล้านคน เป็นเครื่องเตือนใจแก่ทุกคนว่า ถึงวัคซีนหรือยาต้านไวรัสกำลังถูกพัฒนา แต่เราควรทำทุกวิถีทาง ในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสและช่วยชีวิตคน ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. อยู่ที่ 9.55 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 485,400 คน ขณะที่นายไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินองค์การอนามัยโลก ระบุว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในทวีปอเมริกายังไม่ถึงจุดสูงสุด โดยเฉพาะในอเมริกากลางและอเมริกาใต้
เชื่อเดือน ต.ค.มะกันตายเฉียด 2 แสน
ที่สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ติดเชื้อรวมในประเทศเพิ่มเป็น 2.46 ล้านคน เสียชีวิตรวม 124,282 คน สถาบันการแพทย์มหาวิทยาลัยวอชิงตันประเมินว่า ภายในวันที่ 1 ต.ค. ยอดผู้เสียชีวิตรวมจะอยู่ที่ประมาณ 180,000 คน หากชาวอเมริกัน 95 เปอร์เซ็นต์ สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ จะช่วยลดยอดเสียชีวิตได้ 33,000 คน ส่วนกลุ่มวิจัยด้านเวชภัณฑ์และเศรษฐกิจ (ICER) ของสหรัฐฯ ประเมินว่า ยาต้านไวรัสเรมดิสซิเวียร์ของบริษัทกิเลียด ไซเอินส์ ที่ช่วยบรรเทาอาการป่วยได้ และได้รับการรับรองจากรัฐบาลสหรัฐฯแล้ว จะมีราคาต่อคอร์ส หรือการใช้ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการรักษาจนหายป่วย อยู่ที่ 5,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ (162,560 บาท)
3 รัฐสั่งนักเดินทางกักตัวเอง
นอกจากนี้ ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซี คอนเนคติกัต ที่ทั้งหมดสังกัดพรรคฝ่ายค้านเดโมแครต ได้ประกาศใช้มาตรการใหม่ ให้ทุกคนที่เดินทางมาจากรัฐที่มีการแพร่ระบาดหนัก ต้องกักบริเวณตัวเอง 14 วันเมื่อมาถึง 3 รัฐดังกล่าว ได้แก่ ผู้มาจากรัฐอลาบามา อาร์คันซอ อริโซนา ฟลอริดา นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา เท็กซัส วอชิงตัน และยูทาห์ ซึ่งรัฐทั้งหมดนี้มียอดผู้ติดเชื้อรวมในรัฐเกิน 100,000 คน หากผู้ใดถูกจับได้ว่าฝ่าฝืนมาตรการกักตัวเอง จะถูกปรับเงิน 1,000 ดอลลาร์ (32,000 บาท) หากกระทำผิดซ้ำจะเพิ่มค่าปรับเป็น 5,000 ดอลลาร์ (160,000 บาท) ส่วนโฆษกทำเนียบขาวเชื่อว่า คำสั่งนี้คงไม่มีผลกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเดินทางเยือนรัฐนิวเจอร์ซีในสัปดาห์หน้า เพราะนายทรัมป์ไม่ใช่พลเรือน
บราซิลติดเชื้อวันเดียว 4 หมื่น
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขบราซิลรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 42,725 คน ถือเป็นสถิติอันดับ 2 ของจำนวนผู้ติดเชื้อในวันเดียวในประเทศ หลังเคยทำสถิติไปแล้ว 54,771 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมของบราซิลเพิ่มเป็น 1.19 ล้านคน เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 53,874 คน หลังตรวจพบการเสียชีวิตในวันเดียว 1,185 คน ซึ่งจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดรุนแรงอยู่ที่เมืองเซาเปาโล และนครริโอ เดอ จาเนโร
นิวเดลีระบาดหนัก-ตั้ง รพ.ชั่วคราว
ด้านกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย เปิดเผยว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้พุ่งสูงทำสถิติอีกครั้ง อยู่ที่ 16,922 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมในประเทศกลายเป็น 474,272 คน เสียชีวิตรวมเกือบ 15,000 คน ขณะที่กรุงนิวเดลี ได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดในอินเดีย หลังมียอดผู้ติดเชื้อรวมแซงหน้านครมุมไบ ทางการอินเดียจะดำเนินการตรวจหาเชื้อประชากรในเมืองหลวงทั้งหมด 29 ล้านคน ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 6 ก.ค. ทั้งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลชั่วคราวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่กรุงนิวเดลี ขนาดเท่า 22 สนามฟุตบอล จุผู้ป่วยได้ 10,000 เตียง
จีนเชื่อคุมอยู่–อิเหนาทะลุ 5 หมื่น
ที่ประเทศจีน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งมีต้นตอที่ตลาดซินฟาตี้ในกรุงปักกิ่ง โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่พบผู้ติดเชื้อในกรุงปักกิ่ง 13 คน แต่จากการประเมินล่าสุดทำให้เชื่อว่า สามารถจำกัดวงการแพร่ระบาดในเมืองหลวงไว้ได้ ส่วนที่เกาหลีใต้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (KCDC) รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 28 คน และจำนวนผู้ถูกกักบริเวณดูอาการอยู่ที่ 1,307 คน ขณะที่อินโดนีเซีย กระทรวงสาธารณสุขยืนยันยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 1,178 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมในประเทศทะลุ 50,000 คน อย่างเป็นทางการ เสียชีวิตรวม 2,620 คน
เวียดนามไม่พร้อมรับท่องเที่ยว
นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เปิดเผยว่า เวียดนามยังไม่พร้อมที่จะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากกังวลว่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกสองในประเทศ ส่วนนักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติหรือพนักงานระดับสูงหรือแรงงานที่มีคุณภาพของบริษัทต่างชาติ สามารถเดินทางเข้าเวียดนามได้ แต่ต้องถูกกักบริเวณอยู่ในโรงแรม ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานด้วยว่า ยอดผู้ติดเชื้อรวมในเวียดนามอยู่ที่ 352 คน และไม่มีรายงานการแพร่ระบาดในประเทศมาเป็นเวลากว่า 2 เดือน
โควิดคุกคามประชาธิปไตย
ส่วนสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มนักการเมือง นักเคลื่อนไหว คนดังในวงการบันเทิง และเจ้าของรางวัลโนเบล รวมกว่า 500 คน ได้ร่วมกันลงนามสนับสนุนจดหมายเปิดผนึก ของสถาบันเพื่อประชาธิปไตยและสนับสนุนการเลือกตั้งของสวีเดน (IDEA) ที่เตือนประชาคมโลกว่า สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ถือเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย เนื่องจากเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลประเทศต่างๆกุมอำนาจ หรือกระทำการใดๆเพื่อหวังผลทางการเมืองได้ง่ายขึ้น