AIS 5G ร่วมแรงสู้ฟื้นฟูประเทศไทย พร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
25 มิถุนายน 2563: เอไอเอส ประกาศวิสัยทัศน์เครือข่าย AIS 5G - Forging Thailand’s Recovery สร้าง 5G ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศให้เป็น Digital Infrastructure ใหม่ของประเทศ รวมถึงสนับสนุนการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) พร้อมผนึกผู้นำอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา วิกฤติโควิด-19 นำมาซึ่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปทั่วโลกยิ่งกว่าวิกฤติอื่นๆ ที่เคยมีมา และก่อให้เกิด “ชีวิตวิถีใหม่” ที่ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมแบบทันทีทันใดในทุกระดับ โดยจะเห็นปรากฏการณ์เป็น 3 ช่วง คือ ช่วงตกต่ำจากวิกฤติ หรือ FALL ต่อมาคือ ช่วงแห่งการต่อสู้เพื่อให้ก้าวผ่านวิกฤติไปให้ได้ หรือ FIGHT และช่วงสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน หรือ FUTURE ซึ่งในทุกช่วงเวลาล้วนแล้วแต่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเข้ามาเป็นฐานรากที่แข็งแกร่ง เพื่อช่วยประคับประคองและเสริมขีดความสามารถทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อย่าง AIS 5G ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ดิจิทัลเส้นใหม่ ที่ได้เริ่มนำมาใช้ช่วยเหลือ เพื่อหล่อเลี้ยงประเทศจากวันนี้เป็นต้นไป”
“ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี เอไอเอสได้ลงทุนมากกว่า 1.1 ล้านล้านบาท โดยในปีนี้ได้เตรียมงบลงทุนไว้ที่ 35,000-45,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเอไอเอสเป็นผู้ให้บริการ Digital Life Service Provider ที่ถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด คือ LOW BAND (700-900 MHz) 50 MHz, MID BAND (1800-2600 MHz) 170 MHz และ HIGH BAND (26 GHz) 1200 MHz และเปิดให้บริการ AIS 5G เป็นรายแรกของประเทศตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 พร้อมขยายเครือข่ายไปครบทั้ง 77 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาที่ผ่านมา”
นวัฒกรรม AIS 5G ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกของโลกที่นำมาใช้งานจริงประกอบไปด้วย
5G Dual Mode SA/NSA
ประเทศไทย เป็นกลุ่มแรกของโลกที่ใช้ เทคโนโลยี SA - Stand Alone และ NSA – None Stand Alone Dual Mode ที่สามารถผสมผสานระหว่าง เครือข่าย 5G โดยเฉพาะ และเครือข่าย 5G ที่ทำงานร่วมกับ 4G พร้อมรับอนาคตในการใช้งาน 5G ในหลากหลายประโยชน์ในรูปแบบ Massive IoT และ Mission Critical
5G Network Slicing
ครั้งแรกของเมืองไทย กับเทคโนโลยี 5G Network Slicing ที่เสมือนมีหลากหลายเครือข่ายอยู่ในเครือข่ายเดียว (Multi Network In One Network) ทำให้เราสามารถออกแบบเครือข่ายแต่ละชั้นได้อย่างสอดคล้องและยืดหยุ่นกับลักษณะของอุตสาหกรรมแต่ละรูปแบบ แต่ละพื้นที่ ได้อย่างคล่องตัว เต็มประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การทำธุรกิจของแต่ละองค์กรได้อย่างเต็มที่
จากขีดความสามารถของเครือข่าย AIS 5G เมื่อผสมผสานเข้ากับคุณสมบัติของ 5G คือ ความเร็ว แรง เสถียร, สนับสนุนและยกระดับการใช้งาน Multi Media Content สู่ VR หรือ AR, รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้ในจำนวนมหาศาล และมีอัตราการตอบสนองที่รวดเร็วจากความหน่วงต่ำ จึงยิ่งทำให้ 5G เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเสริมขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมหลักทั้งหมด ที่จะเป็นกลไกในการฟื้นฟูประเทศนั่นเอง ในแต่และภาคส่วนดังต่อไปนี้
(1) ภาคสาธารณสุข
AIS 5G ทำงานร่วมกับ Robot และ AI เข้าไปสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการ คัดกรองคนไข้ (Robot for Care), Telemedicine, AI Assisted CT SCAN และ Mobile Stroke Unit ตลอดช่วงระยะของการแพร่ระบาดรุนแรง จนถึงการผนึกกำลังกับเครือข่ายพันธมิตร (Strategic Partner) เพื่อพัฒนา Telemedicine อย่างต่อเนื่อง
(2) ภาคอุตสาหกรรมในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor - EEC)
5G ในฐานะ ICT Infrastructure เพื่อเสริมขีดความสามารถในการบริหารจัดการในทุกๆ ส่วนงาน ประกอบด้วย
ภาคพื้นดิน : กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย อมตะ คอร์ปอเรชัน, สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง, กลุ่ม WHA ที่เริ่มทดลองสอบ 5G Smart City แล้ว
ภาคทางอากาศ : บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น ในนาม กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ผู้ชนะการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ที่เริ่มทดลองทดสอบ 5G Smart Airport แล้ว
ภาคทางทะเล : การท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่เริ่มทดลองทดสอบ 5G แล้ว ในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง
(3) ภาคการค้าปลีก
AIS 5G อยู่ระหว่างการพัฒนา 5G Smart Retail ร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล ในฐานะหัวหอกสำคัญของภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก ที่ครอบคลุมตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ของการใช้ชีวิตของคน ในฐานะการกระจายรายได้ระหว่างผู้ผลิตกับผู้ซื้อ รวมถึงมีอัตราการจ้างงานถึง 2 ใน 3 ของประเทศ
(4) Multimedia ใหม่สร้าง Immersive Experience
5G Immersive Experience กับเทคโนโลยี AR/VR พร้อมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างประสบการณ์ใหม่ของ Unseen Thailand ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึง คอนเทนต์ด้านการศึกษา และความบันเทิง พลิกโฉมการสร้างสรรค์คอนเทนต์ของ Creator สัญชาติไทย ด้วย Next Reality Studio - AR/VR Studio แห่งแรกของเมืองไทย
(5) Sustainability Development
5G กับการพัฒนา สิ่งแวดล้อม การเกษตร และการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยผนึกพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สร้าง SDG Lab ในพื้นที่ 100 ไร่ ในอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี หรือสวนป๋วย ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต้นแบบการรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมที่สุดแห่งหนึ่ง”
รวมทั้งประกาศแพลตฟอร์มการเรียนรู้ LearnDi จาก AIS Academy for Thais ขยายการสร้างความเข้มแข็งการพัฒนาบุคลากรสู่แต่ละองค์กรทั่วประเทศ
นายสมชัย กล่าวในตอนท้ายว่า “ชาวเอไอเอส พร้อมอย่างยิ่งที่จะนำ AIS 5G ที่ดีที่สุด เข้ามาเป็นเส้นเลือดใหญ่ดิจิทัลหลักของประเทศไทยจากวันนี้เป็นต้นไป เพราะวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสำคัญของคนไทยและทั่วโลกว่า ท่ามกลางวิกฤติยังมีโอกาสอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะฉกฉวยโอกาสนั้นอย่างไร โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น ถือว่ามีจุดแข็งซึ่งได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนว่า มีระบบสาธารณสุขที่เป็นเลิศ, มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม, เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นเมื่อนำดิจิทัลอย่าง 5G เข้าไปผสมผสานในกระบวนการที่เกี่ยวข้องของภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น ย่อมทำให้เป็นพลังช่วยพลิกฟื้นประเทศไทยให้ก้าวผ่านวิกฤติได้อย่างดีที่สุด ดังนั้นนอกจากการปรับตัวให้พร้อมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ผมยังอยากเชิญชวนทุกภาคส่วนให้เข้ามาร่วมในภารกิจฟื้นฟูประเทศ ขานรับกับนโยบาย “รวมไทยสร้างชาติ” ของรัฐบาลไปด้วยกันอีกด้วย”