เป็นข่าวกรณีที่ภาครัฐได้อนุมัติงบประมาณในการนำคนไทยจากต่างแดน เดินทางกลับมากักตัวในพื้นที่ที่กำหนดไว้ หรือ “State Quarantine” ในระยะเวลา 14 วัน คาดว่าจะมีคนไทยเดินทางกลับมากว่า 7-8 หมื่นคน มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคัดสรรสถานที่กักตัวโรงแรมขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการรองรับ

แต่ต้องผ่านมาตรฐาน

พื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และมีสถานประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ที่เข้าเกณฑ์มาตรฐานเป็นจำนวนมากโรงแรมหลายแห่งใช้เป็น State Quarantine ไปแล้วกว่า 1 หมื่นห้อง

แต่มีข่าวว่า ตัวแทนองค์กรภาคธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี บอกว่า ปัจจุบันมีกลุ่มบุคคลซึ่งไม่ทราบว่ามาจากหน่วยงานใด เข้ามาประสานโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งในเมืองพัทยา กล่าวอ้างว่าเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกโรงแรมให้ใช้เป็นสถานที่กักตัวคนไทยที่กลับจากต่างแดน

หากโรงแรมยอมจ่ายเงินค่าดำเนินการให้ในอัตรา 40 เปอร์เซ็นต์ ของค่าหัวที่รัฐจ่ายให้รายละ 1,000 บาทต่อคนต่อวัน จะช่วยประสานเพื่อให้ได้รับการคัดเลือก จะทำให้ได้รับเงินค่าใช้จ่ายจากรัฐบาล ซึ่งดีกว่าที่ต้องปิดกิจการและแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน แต่เมื่อได้รับงบประมาณตามจำนวนผู้เข้าพักให้ออกใบเสร็จค่าใช้จ่ายตามหัวที่ระบุ แต่หลังรับเงินให้หักค่าดำเนินการ

หรือหัวคิวให้ผู้ประสาน 40 เปอร์เซ็นต์

หรือง่ายๆคือ สุดท้ายทางโรงแรมจะได้ค่าใช้จ่ายต่อหัวเพียง 600 บาท/คน/วัน ซึ่งไม่คุ้มค่าใช้จ่าย หลายโรงแรมได้ตอบปฏิเสธไป

แต่ยังมีความพยายามเข้ามาติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการมองว่าการกระทำแบบนี้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลทราบหรือมีการตรวจสอบหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

...

ทั้งการ “หักหัวคิว” ในงบประมาณของรัฐ ไม่ทราบว่ามีกระบวนการกันอย่างไร และถือเป็นการ “ซ้ำเติมผู้ประกอบการ” อีกด้วย แม้โรงแรมบางแห่งอาจไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด แต่ดำเนินการประสานงานให้ได้

การทำงานของคนกลุ่มนี้ทำงานกันเป็นทีม แต่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรคงไม่ทราบได้

อยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามาทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างจริงจังด้วยว่าเป็นคนกลุ่มใด มีขบวนการทำ น่าเชื่อว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่ต่างหน้ากากอนามัยที่เรื่องเงียบไปแล้ว

สุดท้ายเป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจของคนไทย.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th