ไวเหล้า...
ไม่ใช่ไวรัส
เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ ศบค.แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ 4 พ.ค.63 พบว่ามีจำนวน 18 ราย เพิ่มขึ้นจาก 3-4 วันที่ผ่านมา ด้วยตัวเลขแค่หลักเดียวจนถึง 3 คนด้วยซํ้าไป
แต่ทำไมตัวเลขถึงมากขึ้นอีกหลักหนึ่งเป็น 18 คน
นี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกแล้วหรือก็เลยมองไปที่มาตรการผ่อนปรนของรัฐบาลให้เปิดภาคธุรกิจเปิดกิจการได้ 6 ประเภททุกจังหวัด
จวบกับเป็นวันหยุดยาว 4 วัน ทำให้เกิดภาวะการเคลื่อนตัวของประชาชนจำนวนมากจากแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง
ไม่ว่าจะออกจากกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ไปยังพื้นที่ต่างๆ
หรือการผ่อนปรนออกฤทธิ์เมื่อมีการดำเนินการกิจการค้าที่ว่าไปแล้วล้วนสนองความต้องการพื้นฐานของผู้คนที่พึงประสงค์
ตัดผมทำสวยก็ได้ ร้านอาหารบางส่วนสามารถนั่งกินในร้านได้และอะไรอีกหลายๆอย่าง แม้กระทั่งอนุญาตให้เปิดขายเหล้าได้
คงไม่ต่างไปจากการเปิดจุกขวดเย้ายวนให้ออกมาจนอยู่ไม่ติดบ้าน
เห็นร้านค้าต่างๆ ที่ขายสุราวุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีการแห่ซื้อเหล้า เบียร์แบบยกโหลจนถึงขั้นแย่งกันชุลมุน
พวกที่ “ลงแดง” กันมานานคงครึ้มอกครึ้มใจหายเครียดไปได้บ้าง
เรื่อง “หยุดเหล้า-เข้าวัด” สำหรับคนไทยยังห่างไกลเป็น “มรดกบาป” ที่อยู่คู่สังคมต่อไปอีกนาน แม้จะต้องก้าวไปสู่วิถีชีวิตใหม่ก็ตาม
ถือเสียว่าเป็นความปกติเก่าในความปกติใหม่ก็แล้วกัน
เท่าที่กวาดสายตาดูจากการผ่อนปรนมาตรการอย่างที่ว่ามาแล้วนั้นได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่อยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบสูงขึ้นอย่างชัดเจนทั้งผู้ขายและผู้ซื้ออย่างเป็นรูปธรรม
...
เจ้าของกิจการต่างๆล้วนยอมรับในระเบียบใหม่ของสังคมปรับรูปแบบการบริหารจัดการ การจัดร้านด้วยนัยทิ้งระยะห่างทางสังคมตามกติกาเป็นอย่างดี
ครับ...ขอย้อนกลับไปที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นด้วยตัวเลข 18 รายนั้น ปรากฏว่าในจำนวนนี้เป็นชาย 1 หญิง 17 คน แต่ในจำนวนนี้เป็นแรงงานต่างด้าวที่ถูกกักกันอยู่ที่ด่านสะเดา สงขลาไม่ใช่คนไทยโดยทั่วไป
เท่ากับพูดได้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเท่ากับศูนย์ (0) ก็พอจะว่าได้
ดังนั้นมาตรการปิดเมืองยังไม่ให้คนต่างชาติหรือแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศในห้วงเวลานี้จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องเข้มข้นไปอีกระยะหนึ่ง
จึงพอประมาณการได้ว่าการเคลื่อนตัวของประชาชนและการเปิดเมืองเพื่อให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้ในระยะแรกไม่มีปัญหา
หากทุกคนปฏิบัติตามกติกาสังคม
ทำให้มองไปข้างหน้าได้ว่า การผ่อนปรนในระดับต่อไปน่าจะง่ายเข้าและอีกไม่นานเครื่องยนต์ทั้งระบบก็จะทำงานได้อย่างเต็มสูบ
ก็นี่ไงล่ะ...ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมนานาชาติจึงชมเชยประเทศไทย
ผิดกับอีกฝ่ายก็คนไทยด้วยกันนั่นแหละที่สร้างดราม่าขัดแข้งขัดขาด่าประเทศตัวเอง ดวงตาไม่เห็นธรรมสักที
เอาชีวิตคนตายมาเป็นเหยื่ออธรรม จัดระดมทุนเพื่อล้อกับวิธีการของรัฐบาลเพื่อให้เห็นว่าพวกเขาแน่กว่าเหนือชั้นกว่า...เสร็จแล้วเป็นไง หน้าม้านกันไปหมด
“กรรม” เป็นผลมาจากการกระทำรอรับกันเองก็แล้วกัน...
“สายล่อฟ้า”