นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ได้มีดำริให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) หาแนวทางช่วยเหลือผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรของโรงเรียนเอกชนที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ ซึ่งมีตนเป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อเพื่อสวัสดิการ (เงินทุนเลี้ยงชีพ) ช่วงโควิด-19 ดังนี้
1.ยกเลิกดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้บริหาร ครู และบุคลากรของโรงเรียนเอกชน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-31 ต.ค.2563
2.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อสวัสดิการ (เงินทุนเลี้ยงชีพ) โครงการที่ 3 และ 4 จากเดิมเสียดอกเบี้ยร้อยละ 4.5 ต่อปี ลดเหลือร้อยละ 4 ต่อปี
และ 3.เห็นชอบให้ปล่อยสินเชื่อเพื่อสวัสดิการ (เงินทุนเลี้ยงชีพ) โครงการที่ 5 วงเงิน 3,000 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี และสามารถกู้เงินได้ไม่เกินร้อยละ 90 ของสะสมและเงินสมทบ ซึ่งผู้ขอกู้ในแต่ละรายได้รับการพิจารณาวงเงินกู้ไม่เท่ากัน
ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า ผู้ที่จะขอเข้าร่วมรับสินเชื่อสวัสดิการ (เงินทุนเลี้ยงชีพ) โครงการที่ 5 จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากโครงการที่ 4 ซึ่งเดิมจะต้องบรรจุเป็นผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชนที่มีอายุงาน 10 ปี แต่โครงการ 5 นี้ได้มีการปรับลดอายุงานเหลือเพียง 5 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปีขึ้น ไปก็สามารถเข้าร่วมโครงการ 5 นี้ได้แล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขยายสิทธิ์ให้กับสมาชิกที่มีอายุงาน 5 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี ให้ได้มีสิทธิ์กู้สินเชื่อเพื่อสวัสดิการดังกล่าว ผ่อนชำระเงินกู้ได้นาน 1-10 ปี เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักในการผ่อนชำระในแต่ละเดือนมากจนเกินไป
...
“ที่ประชุมอนุมัติสินเชื่อเพื่อสวัสดิการ (เงินทุนเลี้ยงชีพ) โครงการที่ 5 รวมทั้งแนวทางในการช่วยเหลือผู้บริหาร ครู และบุคลากรโรงเรียนเอกชนในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถช่วยเพื่อนผู้บริหารและครูโรงเรียนเอกชนที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ได้ในระดับหนึ่ง โดยผู้ที่เดือดร้อนและประสงค์จะขอรับสินเชื่อสวัสดิการ (เงินทุนเลี้ยงชีพ) โครงการที่ 5 นี้ สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้เป็นต้นไป” นายประเสริฐกล่าว.