สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่องมาก แต่อยากจะนำเสนอเรื่องด่วนในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพเดือดร้อนเกือบทั้งประเทศ แรงงานกำลังประสบปัญหา ตกงาน พักงาน เลื่อนงาน ขาดรายได้ ห้างสรรพสินค้า ตลาดสด ร้านค้า ร้านอาหาร ถูกปิด ตลาดออนไลน์ได้ชื่อว่า กำลังซื้อเยอะมาก มาวันนี้มีแต่พ่อค้าแม่ค้า แทบไม่มีคนซื้อ การท่องเที่ยวพังทั้งระบบ การก่อสร้างหยุดชะงัก ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง วงดนตรี เลื่อนงานยาว บานปลายถึงอาชีพอิสระทุกอาชีพ เรียกได้ว่า ทุกอาชีพได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
ปัจจุบันมีการโฆษณาชักชวนให้กู้ยืมเงินผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยให้โหลดแอปพลิเคชัน และให้ผู้สมัครเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัวผ่านแอปพลิเคชัน โดยให้กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล และรายละเอียดของบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งอนุญาตให้แอปพลิเคชัน เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้ด้วย แต่ผู้กู้จะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน โดยแอปพลิเคชัน จะทำการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการไว้บางส่วน และกำหนดให้คืนเงินในระยะเวลาสั้นๆ หากลูกหนี้ไม่ชำระเงินคืนตามกำหนดจะมีค่าปรับล่าช้า และจะมีการทวงถามไปยังบุคคลใกล้ชิดของผู้กู้ตามที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดโทรศัพท์ที่แอปพลิเคชันดึงข้อมูลไป
การหักเงินไว้ทันที เพื่อชำระดอกเบี้ย หรือ หักค่าดำเนินการ ถ้าเป็นการคิดดอกเบี้ย หรือค่าดำเนินการในอัตราสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คือ คิดค่าดำเนินการที่สูงเกินส่วน หรือ คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 (แก้ไขใหม่) มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
...
ส่วนการทวงหนี้กับบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่ลูกหนี้ และไม่ใช่บุคคล ซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้ เพื่อการติดต่อทวงถาม มีความผิดตาม พ.ร.บ. ทวงหนี้ พ.ศ.2558 มาตรา 8 ห้ามผู้ทวงถามหนี้ติดต่อกับบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่ลูกหนี้เพื่อการทวงถามหนี้ เว้นแต่บุคคล ซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการดังกล่าว
การติดต่อกับบุคคลอื่นนอกจากบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้กระทําได้เพื่อวัตถุประสงค์ในการสอบถาม หรือยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ติดต่อลูกหนี้หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้เท่านั้น โดยผู้ทวงถามหนี้ต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) แจ้งให้ทราบชื่อตัว ชื่อสกุล และแสดงเจตนาว่าต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ติดต่อลูกหนี้หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้
(2) ห้ามแจ้งถึงความเป็นหนี้ของลูกหนี้ เว้นแต่ในกรณีที่บุคคลอื่นนั้นเป็นสามี ภริยา บุพการี หรือผู้สืบสันดานของลูกหนี้ และบุคคลอื่นดังกล่าวได้สอบถามผู้ทวงถามหนี้ถึงสาเหตุของการติดต่อ ให้ผู้ทวงถามหนี้ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับหนี้ได้เท่าที่จําเป็นและตามความเหมาะสม
(3) ห้ามใช้ข้อความ เครื่องหมาย สัญลักษณ์ หรือชื่อทางธุรกิจของผู้ทวงถามหนี้บนซองจดหมาย ในหนังสือ หรือในสื่ออื่นใดที่ใช้ในการติดต่อสอบถาม ซึ่งทําให้เข้าใจได้ว่าเป็นการติดต่อเพื่อทวงถามหนี้ ของลูกหนี้
(4) ห้ามติดต่อหรือแสดงตนที่ทําให้เข้าใจผิดเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ติดต่อลูกหนี้ หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้
ผู้ฝ่าฝืน มาตรา 8 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทวงหนี้ มาตรา 39 ต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
อีกเรื่องที่ควรระวัง ในสถานการณ์แบบนี้ คือ มิจฉาชีพมักจะหลอกเหยื่อด้วยวิธีการโพสต์ในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า ให้กู้ยืมเงิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือบุคคลค้ำประกัน ให้จำนวนเงินที่กู้ยืมประมาณสี่เท่าของฐานเงินเดือน คิดอัตราดอกเบี้ยถูก และมีระยะเวลาในการผ่อนชำระนาน ทำให้มีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน โดยหวังว่าเงินก้อนดังกล่าวนั้น จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่พอมิจฉาชีพได้เงินค่าดำเนินการ 1,000-2,000 บาท ก็จะหายเงียบ ซ้ำเติมความทุกข์ยากให้พี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งทนายเจมส์เคยเขียนบทความเตือนแล้ว ตามลิงก์นี้ : หลอกว่าจะให้ยืมเงิน พอได้เงินค่าดำเนินการ หายเงียบ
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านพึงระลึกอยู่เสมอว่า ของดีราคาถูกไม่มีในโลก การลงทุนที่ใช้เงินน้อย แต่ได้ผลตอบแทนมากนั้น ไม่ได้ง่าย ถ้ามีอยู่จริงเค้าคงจะลงทุนเองแล้ว จะมาบอกเรา เพื่อประโยชน์อะไร ยิ่งยุคนี้เงินทองหายากครับ จะจ่ายเงินแต่ละครั้งคิดให้รอบด้านนะครับ
สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ
Facebook: ทนายเจมส์ LK
Instagram: james.lk