ระบาดต่อเนื่องเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังไม่รู้ว่าจบได้เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้ยาแรงออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และประกาศ “เคอร์ฟิว” ทั่วประเทศ มอบให้ ผวจ.ควบคุมสกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสเข้าไปในจังหวัด แต่ยังน่าเป็นห่วง ผู้ติดเชื้อคนไทยอั้นไว้ไม่อยู่เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่อีกหลายจังหวัด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยหลักร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย แม้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตำรวจ แต่ในยามวิกฤติของประเทศไทย บทบาทของตำรวจต้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่แค่ตั้งด่านตรวจจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย แต่มาช่วยคัดกรองกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อที่อยู่บนท้องถนนไม่ให้ไปแพร่เชื้อในชุมชน
ไม่รู้ว่าแนวทางนี้จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้สำเร็จจริงหรือไม่...
แต่เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลลงมา กำลังพลตำรวจทุกหน่วยพร้อมสนองนโยบาย ทำทุกงานตามที่ได้รับคำสั่ง ไม่เพียงแค่ตั้งจุดตรวจสกัดกลุ่มเสี่ยงเข้าออกพื้นที่ กวดขันจับกุมผู้ที่กักตุนสินค้า ผู้ที่หลบหนีไม่ยอมกักตัวเองและหลอกลวงขายสินค้า
...
เชื้อไวรัสแพร่กระจายรวดเร็ว ตำรวจผู้ที่ทำหน้าที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีผลกระทบกับครอบครัวตำรวจด้วย ไม่ได้แตกต่างจากประชาชนคนไทยที่อยู่ในสภาพวิตกหวาดระแวงกับการติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19
ประชาชนมีโอกาสกักตัวอยู่ในบ้าน ไม่สัมผัสใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง แต่ตำรวจหลีกเลี่ยงไม่ได้
พล.ต.อ.จักรทิพย์ เข้าใจหัวอกของตำรวจที่ทำงานอยู่ในพื้นที่และเห็นใจครอบครัวตำรวจ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชม.ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด แม้จะเหลือเวลาอีกไม่นานก่อนเกษียณราชการ โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบาย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตรวจพื้นที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ชี้แจงการทำงานของตำรวจ และแนะนำแนวทางปฏิบัติตัวของประชาชนในสถานการณ์พิเศษ
แม้จะเป็นเรื่องใหม่ตำรวจยังปรับตัวได้ดีกับงานสกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อโรคติดต่อร้ายแรงที่มองไม่เห็น การที่ ผบ.ตร.ลงตรวจเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจในพื้นที่ แนะนำการทำงานและเอาใจใส่ความปลอดภัยชีวิตตำรวจในทุกด่านตรวจ แจกจ่ายหน้ากาก ถุงมือ face shield หรือชุด PPE ซึ่งบางหน่วยเริ่มนำมาใช้ในการปฏิบัติงาน
กำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับลงไปตรวจสอบ ใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ตำรวจในช่วงนี้ ไม่ได้ทอดทิ้งให้ทำงานลำพัง คนเป็นนายลงไปดูแลด้วยตัวเอง ผบ.ตร.ย้ำเสมอว่า “ตำรวจต้องปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่”
...สะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำของ ผบ.ตร. ...
ความยากลำบากในการใช้ชีวิตของผู้คนช่วงนี้ ผบ.ตร.ให้ตำรวจเพิ่มความถี่ตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของให้ประชาชนตามบ้านเรือน คลายความกังวลชาวบ้านที่หวาดกลัวกับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. นำเครื่องอุปโภคบริโภคติดรถสายตรวจอัจฉริยะ มอบให้ชาวบ้านเวลาออกตรวจ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ให้ พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ ผบก.ทล. ทำ face shield เจลแอลกอฮอล์แจกหมอ พยาบาล ชาวบ้าน
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เป็นหน่วยงานหลักที่ต้องรับผิดชอบจุดตรวจคัดกรองผู้คนในพื้นที่โดยรอบกรุงเทพฯ และดูแลกำลังพลหน่วยหลักในการดูแลตรวจตราความสงบเรียบร้อยในเมืองหลวง
ทุกหน่วยยึดนโยบายกำชับของ ผบ.ตร.ที่ว่า “ตำรวจไม่ทิ้งประชาชน”
...
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กำชับใช้ความเด็ดขาดกับผู้ที่เอารัดเอาเปรียบซ้ำเติมประชาชน ขายสินค้าที่มีความจำเป็นแพงเกินจริง ทั้งหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ อาหาร จับกุมผู้ที่โพสต์หรือส่งต่อ “ข่าวปลอม” สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี
เรื่องสำคัญที่ ผบ.ตร.ประเมินสถานการณ์ไว้ล่วงหน้ากับจำนวนคดีอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่คนขาดงาน ขาดรายได้ เป็นหน้าที่หลักของตำรวจต้องเข้าไป “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” อยู่เคียงข้างประชาชน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และเพิ่มเรื่อง การเข้าถึง ให้ความรู้ ให้กำลังใจประชาชน ร่วมกันฝ่าฟันวิกฤติของโลก
กำชับตำรวจทุกหน่วยปราบปรามมิจฉาชีพฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชน เป็นงานเร่งด่วน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “ได้มีคำสั่งกำชับ ผบช.ทุกหน่วยปฏิบัติตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา นายกรัฐมนตรี จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการเร่งด่วนในการบริหารสถานการณ์ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอันเกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นายกฯให้ตำรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด สนับสนุนการป้องกันและลดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสในทุกพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสกระทำผิด สร้างความเดือดร้อนและซ้ำเติมประชาชน ให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มตัดช่องโอกาสกลุ่มมิจฉาชีพและผู้ไม่หวังดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่กระทบต่อชีวิตประจำวัน และสภาพปัญหาเศรษฐกิจทำให้เกิดอัตราการว่างงาน รายได้ไม่เพียงพอดูแลครอบครัว จะส่งผลต่อแนวโน้มการก่อคดีอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ทุกหน่วยต้องดำเนินคดีเฉียบขาดกับผู้ที่ก่อคดีและซ้ำเติมประชาชนทุกประเภท กักตุนสินค้าและบริการ กู้ยืมเงินดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หลอกลวงขายสินค้าทางสื่อสังคมออนไลน์ การเผยแพร่หรือส่งต่อข่าวปลอม เป็นสิ่งที่ต้องรีบเข้าดำเนินการทันที”
...
พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า “ขอประชาสัมพันธ์และเตือนมายังมิจฉาชีพ ผู้ไม่หวังดีหรือผู้ที่ยังคงกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย ฝ่าฝืนประกาศตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ การลักลอบเปิดสถานบริการ รวมกลุ่มเล่นการพนัน รวมตัวแข่งรถในทางหรือการขับขี่รถขณะเมาสุราและกลุ่มมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสก่ออาชญากรรม เอาเปรียบซ้ำเติมประชาชนในทุกรูปแบบ ขอให้หยุดการกระทำในทันที ผบ.ตร.ได้กำหนดแนวทางให้ทุกสถานีตำรวจถือเป็นคดีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำด้วยความรวดเร็วและให้รีบเสนอสำนวนมีความเห็นเสนอพนักงานอัยการสั่งฟ้องต่อศาล ขอให้ศาลลงโทษในสถานหนักและไม่รอการลงโทษ ส่วนของกลางขอให้ศาลมีคำสั่งริบตามกฎหมายและผู้กระทำผิดที่มีประวัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อน ขอให้ลงโทษสถานหนักด้วย ขอให้พี่น้องประชาชนโปรดให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามมาตร-การของรัฐบาลและคำแนะนำด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด”
เป็นมาตรการสำคัญที่ ผบ.ตร.ออกมารองรับสถานการณ์สุ่มเสี่ยงของคนไทยเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินช่วง “น็อกดาวน์” และ “เคอร์ฟิว” โดยไม่รู้กำหนด บริษัทเลิกจ้าง คนตกงาน ขาดรายได้
...
ไม่ว่าอะไรย่อมเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์แบบนี้.
ทีมข่าวอาชญากรรม