ริเวอร์แคว-หาดใหญ่ 3 แห่ง-หัวหินร่อแร่-พีพีพังพาบ
โควิด-19 พ่นพิษถล่มเศรษฐกิจเจ๊งระนาว โรงแรมดังกลางเมืองกาญจนบุรี “ริเวอร์แคว” ปิดตัวไปโดยปริยาย ไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ ส่วนโรงแรมในเมืองหัวหิน ยอดจองเหลือเพียงร้อยละ 10 แถมไม่มีท่าทีว่าจะโงหัวดีขึ้นตอนไหน ส่วนหาดใหญ่ 3 โรงแรมปิดตัวไปชั่วคราว รอวันฟื้นใหม่ เช่นเดียวกับเกาะพีพีเป็นเกาะร้างไร้นักท่องเที่ยว เรือหลายร้อยลำจอดนิ่งสนิท ขณะที่แลนด์มาร์กของเมืองไทย “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ทะเลบนดอย” จ่อปิดอีกราย จำเป็นต้องปล่อยให้ปลาที่เลี้ยงไว้ 3-4 หมื่นตัวตายเพราะไม่มีค่าดูแล
จากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายอย่างโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรมหลายแห่งเริ่มเข้าสู่ห้วงของการ “ชัตดาวน์” ประกาศปิดตัวโดยปริยาย ทั้งนี้ วันที่ 22 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงแรมริเวอร์แคว ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโต ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกาญจนบุรี ได้ปิดตัวลงแล้ว หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและล่าสุดต้องเจอกับวิกฤติโควิด-19 ที่มาซ้ำเติมอีก นายวิชัย ล้อศิริ กรรมการผู้จัดการโรงแรมริเวอร์แคว เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้ภาครัฐต้องมีมาตรการป้องกันด้วยการปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงหลายแห่งเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการต่างไม่เดินทางเข้ามาพักที่โรงแรมทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น แต่รายรับไม่มีเลยต้องตัดสินใจชัตดาวน์ตนเองด้วยการปิดโรงแรมทุกแผนกทั้งห้องพัก ห้องอาหารไปจนถึงวันที่ 26 เมษายน 2563 ในช่วงแรก หากยังแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้จะขยายเวลาปิดต่อไปอีกโดยไม่มีกำหนด
...
นายวิชัยกล่าวอีกว่า ทั้งนี้หลังจากได้พูดคุยทำความเข้าใจกับพนักงานและหัวหน้าแผนกต่างๆ ว่ายอมชัตดาวน์โรงแรมจริงเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ ตนพร้อมช่วยประสานประกันสังคมให้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือพนักงานลูกจ้างเพื่อเป็นการเยียวยา หลังภาครัฐได้ใช้มาตรการปิดสถานบันเทิง บาร์ ผับ รวมทั้งสปา เพื่อเฝ้าระวังโควิด-19 ทำให้ พนักงานลูกจ้างต้องถูกเลิกจ้างจำนวน 200 คน จึงเป็นปัญหาอย่างมากเพราะสงสารพนักงานลูกจ้างเหล่านั้น แต่ยังโชคดีที่ทางประกันสังคมเข้ามาช่วยเยียวยาในเบื้องต้นด้วยการจ่ายกรณีว่างงานอัตราร้อยละ 50 เป็นระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน
“นี่คือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ทำธุรกิจมา ก่อนที่ผมจะตัดสินใจปิดโรงแรม วานนี้มีผู้เข้าพักเพียง 8 ห้องเท่านั้นจากทั้งหมด 195 ห้อง แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินลำบากที่สุดคือพนักงาน ผมคิดหนักว่าพนักงานของเราจะทำอย่างไร เมื่อเราต้องหยุดกิจการ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเป็นไงก็เป็นกัน และได้ช่วยเหลือพนักงานในเบื้องต้น ยอมรับว่าหลังจากที่ดูแถลงการณ์ของรัฐบาลในทุกๆเรื่อง ผมยังไม่เห็นแผนรองรับที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการและประชาชนในภาวะวิกฤตินี้เลย และจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ว่าจะมีโอกาสแก้ไขสถานการณ์ได้เมื่อไหร่ แต่อย่างไรก็ตามขอเป็นกำลังใจให้กับทุกฝ่ายสู้กับวิกฤติโควิด-19 นี้ไปให้ได้” นายวิชัยกล่าว
ด้าน ดร.รุ่งโรจน์ สีเหลืองสวัสดิ์ รองประธานฝ่ายวิชาการ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทยและประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะเจ้าของโรงแรมหัวหินแกรนด์ แอนด์พลาซ่า เขตเทศบาลเมืองหัวหิน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการทุกประเภทในหัวหินประสบภาวะวิกฤติมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2559 เคยมีปัญหาจากการลอบวางระเบิดในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน แต่การท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังเหตุการณ์สงบ แต่หากเทียบกับสถานการณ์การระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เชื่อว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกนานหลายเดือน ถึงจะเรียกความเชื่อมั่น เพื่อทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวโดยภาพรวมเข้าสู่ภาวะปกติ และผลกระทบครั้งนี้ ทำให้ประเทศต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวหลายแสนล้านบาท
“ปัจจุบันบรรยากาศการท่องเที่ยวในเมืองหัวหินที่เคยคึกคักในช่วงไฮซีซันเงียบเหงาอย่างหนัก รถบนถนนสายหลักมีปริมาณน้อยลงอย่างชัดเจนทำให้การจราจรไม่ติดขัดเหมือนช่วงปกติ ห้างสรรพสินค้ามีลูกค้าน้อยมาก หลังจากมีประกาศจังหวัดให้ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ทำให้โรงแรม รีสอร์ต ขณะนี้มียอดจองห้องพักเพียง 10% และยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะสั้น ขณะที่หลายฝ่ายยังไม่มั่นใจว่ามาตรการต่างๆที่เป็นข้อห้ามเพื่อป้องกันโรคระบาด จะมีข้อยุติได้ภายในเดือนเมษายนนี้หรือไม่ หรืออาจมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้ปิดสถานบริการออกไปอีก โดยไม่มีกำหนด ขณะที่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายเยียวยาผลกระทบ โดยเฉพาะการพักชำระหนี้และมาตรการการลดหย่อนภาษี เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กแต่อย่างใด” นายรุ่งโรจน์กล่าว
ขณะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีโรงแรมประกาศปิดตัวไปแล้วอย่างน้อย 3 แห่ง เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าพัก ประกอบด้วยโรงแรมสยามเซนเตอร์ฮาลาลโดยจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 1 เมษายน 63 โรงแรมยันนาตีจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 1 เมษายน และโรงแรมซากุระจะเปิดในวันที่ 7 เมษายน แต่ถ้าครบกำหนดแต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอาจจะเลื่อนการเปิดออกไปอีกเป็นช่วงๆ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารชื่อดังคู่เมืองหาดใหญ่ปิดตัวอย่างถาวรอีก 1 ร้าน คือร้านอาหารสวนสำราญ ย่านถนนนิพัทธ์อุทิศ 2 หลังจากที่เปิดกิจการมายาวนานถึง 75 ปี จากผู้ก่อตั้งรุ่นแรกที่ล่องสำเภาจากเมืองจีนมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยถูกไฟไหม้และน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่หลายครั้งแต่ยังยืนหยัดมาได้แต่สุดท้ายต้องปิดกิจการจากปัญหาโควิด-19 และเศรษฐกิจที่ซบเซาในขณะนี้
...
ส่วนที่เกาะพีพี จ.กระบี่ บรรดาผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวทั้งเรือหางยาว เรือสปีดโบ๊ต ต่างนำเรือหลายร้อยลำมาจอดนิ่งเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวบนเกาะทำให้บรรยากาศในย่านการค้าบนเกาะ แทบไม่พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลงเหลือ แทบจะกลายเป็นเกาะร้างโดยเฉพาะในช่วงกลางวัน ไม่เห็นนักท่องเที่ยวออกมาเดินจับจ่ายซื้อของเหมือนเช่นปกติ นอกจากนี้ในช่วงกลางคืนแม้จะยังมีนักท่องเที่ยวหลงเหลืออยู่บางส่วน แต่เนื่องจากสถานบันเทิงถูกสั่งให้ปิดชั่วคราวทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พากันออกมาซื้อเครื่องดื่มกลับไปดื่มกันในที่พักของโรงแรมมีเพียงบางส่วนที่ยังออกมากินอาหารกันที่ร้านอาหารที่ยังเปิดให้บริการซึ่งผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการเยียวยาสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่มีภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนด้วย
นอกจากการท่องเที่ยวเจ๊งแล้วพิษโควิด-19 ยังส่งผลให้ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ทะเลบนดอย อุโมงค์ปลาน้ำจืดและน้ำเค็มที่ยาวที่สุดในเอเชีย” ตั้งอยู่ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ที่มีเอกชนเป็นผู้บริหารจ่อปิดตัวด้วย โดยนายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ กรรมการผู้จัดการเชียงใหม่ ซู อควาเรียม อุโมงค์แสดงสัตว์น้ำทั้งน้ำเค็ม น้ำจืด ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินการของเชียงใหม่ ซู อควาเรียม เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ปิดตัวลงพร้อมกับสวนสัตว์ทุกแห่งทั่วประเทศเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-31 มี.ค.63 ซึ่งยิ่งส่งผลกระทบซ้ำเติมเข้าไปอีกเพราะเท่ากับว่าไม่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการและไม่มีรายได้เข้ามาเลย
“ในฐานะที่เป็นผู้บริหารแล้วรู้สึกหดหู่และสะเทือนใจอย่างมากที่สุดที่ต้องเห็นภาพที่ไม่มีนักท่องเที่ยวแม้แต่คนเดียวเข้าใช้บริการเที่ยวชมเพราะตลอด 11 ปีที่ผ่านมา แม้จะประสบปัญหาต่างๆนานามากมายทั้งจากปัญหาการเมืองและอื่นๆจนต้องขาดทุนสะสมกว่า 200 ล้านบาท แต่ไม่เคยย่อท้อและพยายามดิ้นรนต่อสู้มาตลอดจนกระทั่งเกิดสถานการณ์วิกฤติในครั้งนี้” นายนฤทัตกล่าว
...
นายนฤทัตกล่าวอีกว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าใจดีว่าเป็นเหตุสุดวิสัยและพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพียงแต่เมื่อพิจารณาทบทวนแล้วทางเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ได้รับผลกระทบอย่างมากจนเหลือทางเลือกเพียง 2 ทางเท่านั้นคือ 1.ปิดกิจการถาวรต้องยอมปล่อยปลาทั้งน้ำจืดน้ำเค็มหลายหมื่นตัวตายไปเพราะไม่รู้จะนำไปไว้ที่ใด นำไปปล่อยทะเลก็ไม่ได้หรือปลาน้ำจืดจะปล่อยลงแม่น้ำก็ไม่ได้เพราะเป็นปลาเลี้ยง ปล่อยไปตายหมด หากินเองไม่เป็น และ 2.ขอให้ภาครัฐโดยเฉพาะจากองค์การสวนสัตว์ที่เป็นผู้ลงทุนร่วมกันให้เข้ามาช่วยเหลือดูแลให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ ทั้งนี้ การปิดกิจการนั้นถือเป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะเชียงใหม่ ซู อควาเรียมนั้นถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นเอกลักษณ์และเป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งประเทศไทยเพราะเป็นอควาเรียมที่มีอุโมงค์ใต้น้ำยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตั้งอยู่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเลจนได้ชื่อเรียกว่าเป็นทะเลบนดอย
“อย่างไรก็ตาม หากถึงที่สุดแล้วและมีความจำเป็นคงต้องตัดสินใจเลือกที่จะปิดกิจการ เพราะคงไม่สามารถแบกรับภาระการขาดทุนสะสมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าจ้างพนักงาน ค่าอาหารปลา ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าบำรุงรักษาและดูแลระบบ รวมแล้วเดือนละประมาณ 3 ล้านบาทต่อไปได้ แม้โดยส่วนตัวแล้วจะมีความเป็นห่วงและกังวลใจที่สุดในเรื่องของการดูแลปลาและสัตว์น้ำในเชียงใหม่ ซูอควาเรียม ที่เลี้ยงไว้ 30,000-40,000 ตัว เฉพาะแค่การเดินระบบเพื่อให้ปลาและสัตว์น้ำอยู่ได้มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทแล้ว ขณะนี้เตรียมทำหนังสือถึงองค์การสวนสัตว์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ที่ผ่านมาเจอทั้งปัญหาการเมือง สีเสื้อ โรคหวัดนก โรคซาร์ส ยังมีวันรู้กำหนดจะหายเมื่อไหร่ ยังต่อสู้จนอยู่รอดมาได้ แต่ไวรัสโควิด-19 ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเวลาใด หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐผมคงจำเป็นต้องปิดปลั๊กไฟเชียงใหม่ซูอควาเรียมเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ” นายนฤทัตกล่าว
...