ในขณะที่คนไทยด้วยกันเองมองว่า ภาคเกษตรไทยพัฒนาไปไม่ถึงไหน ยังย่ำอยู่กับที่ด้วยปัญหาเดิมๆ...แต่ในทัศนะของผู้นำองค์กรระดับโลกกลับเห็นในทิศตรงข้าม
ในโอกาสที่ นายฉู ตงหยู ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) มาเยือนภูมิภาคอาเซียน โดยเลือกไทยเป็นประเทศแรก และเข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ผู้อำนวยการใหญ่ FAO ได้ขอความร่วมมือให้ไทยร่วมโครงการ Hand in Hand Initiatives ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศมีศักยภาพด้านการเกษตร ได้เลือกจับคู่เข้าไปช่วยเหลือประเทศที่มีอัตราความยากจนและความหิวโหยในระดับสูง ที่มีอยู่ทั้งหมด 44 ประเทศ
โดยให้ไทยเลือกเองว่าจะไปจับมือช่วยประเทศไหนได้บ้าง สัก 2-3 ประเทศ ในแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ประเทศพี่ช่วยประเทศน้อง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการผลิตอาหารได้ไม่เพียงพอให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง เพราะขณะนี้อังกฤษได้ตกลงจะจับคู่ช่วยเหลือ 5 ประเทศ และจีนก็ได้จับคู่กับอีก 5 ประเทศเช่นกัน
นอกจากนั้นยังได้เชิญชวนให้ไทยร่วมจัดตั้ง กองทุนเพื่อการพัฒนาด้านอาหารและเกษตรแห่งเอเชีย (Asia Trust fund) เพื่อช่วยเหลือประเทศที่ประสบภัยพิบัติขาดแคลนอาหารในภูมิภาคเอเชีย และยังได้ขอให้ไทยพิจารณาการเป็น เจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชา FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 35 แทนประเทศภูฏานที่ถูกเลื่อนไป เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยเห็นว่า เรามีศักยภาพในการควบคุมโรคได้ดี
ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยยินดีให้การสนับสนุนในหลักการ โดยได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศไปหารือต่อไป
...
พร้อมกันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝากให้ FAO ช่วยพิจารณาหารือกับประเทศต่างๆในเรื่องการเพิ่มมูลค่าราคาพืชผลทางการเกษตร เพราะจะเป็นแนวทางที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้แก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน.
สะ–เล–เต