สภาพอากาศในระยะนี้ กลางวันร้อน กลางคืนอุณหภูมิลดต่ำ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกกระเจี๊ยบเขียว เฝ้าระวังโรคเส้นใบเหลือง

ที่เกิดจากเชื้อ Bhendi yellow vein mosaic virus : BYVMV F โดยมีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสมาสู่ต้นกระเจี๊ยบเขียว...อาการเริ่มแรกจะพบใบกระเจี๊ยบเขียวด่าง เส้นใบมีสีเหลือง ยอดเหลือง ใบและยอดม้วนงอ ต้นเตี้ยแคระแกร็น ฝักมีสีเหลือง ติดฝักน้อยและฝักไม่สมบูรณ์

พบต้นที่เป็นโรคให้ถอนแล้วนำไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที และกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลง โดยเฉพาะ สาบแร้งสาบกา, กะเม็ง, หญ้าขน, ลำโพง, โทงเทง และขี้กาขาว

เนื่องจากเชื้อไวรัสยังไม่มีสารป้องกันกำจัดโดยตรง แต่สามารถป้องกันการระบาดของโรคได้ด้วยการกำจัดแมลงหวี่ขาว

ด้วยการใช้สารฆ่าแมลง บูโพรเฟซิน 25% ดับเบิลยูจี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คาร์โบซัลแฟน 20% อีซี อัตรา 3 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

หลังเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้เก็บซากพืชไปทำลายนอกแปลงปลูก ไม่ปลูกกระเจี๊ยบเขียวซ้ำที่เดิม และควรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน

...

ให้หลีกเลี่ยงการปลูกพืชตระกูลแตง ตระกูลถั่ว ตระกูลมะเขือ ซึ่งเป็นพืชอาศัยของเชื้อไวรัสใกล้แปลงปลูกกระเจี๊ยบเขียว อาทิ แตงกวา ฟักทอง มะระ บวบ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแขก มะเขือเทศ มะเขือเปราะ มะเขือยาว พริก ยาสูบ งา กะเพราขาว ตำลึง ฝ้าย หงอนไก่ บานไม่รู้โรย และทานตะวัน

และเลือกใช้กระเจี๊ยบเขียวพันธุ์ต้านทานโรค ได้แก่ พันธุ์ OK 9701 และพันธุ์พิจิตร.


สะ-เล-เต