สร้าง “ปาฏิหาริย์” ให้เป็น “ประวัติศาสตร์” พร้อมฟังข้อคิดเห็นฝ่ายค้าน
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่เซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว กรุงเทพฯ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานภาครัฐ กล่าวตอนหนึ่งในการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการสานอนาคตการศึกษา-คอนเน็กซ์ อีดี ประจำปี 2562 ว่า ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาช่วยพัฒนาการศึกษา ซึ่งตนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นตัวเชื่อมและช่วยขยายการดำเนินโครงการนี้ต่อเนื่องในเฟส 3 ดังนั้น ปัญหาอุปสรรคเรื่องใดของรัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ตนจะมาช่วยขับเคลื่อนให้เดินหน้าต่อไป ซึ่งระยะเวลา 3 เดือนในฐานะ รมว.ศึกษาธิการ ตนเห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาช่วยพัฒนาการศึกษาทำให้เกิด 3 ป ได้แก่ ประวัติศาสตร์ ปฏิรูปการศึกษา และปาฏิหาริย์ เพราะเมื่อมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเกิดขึ้น ตนเชื่อว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของการปฏิรูปการศึกษาไทยอย่างแน่นอน โดยอย่ามองปัญหาการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นของคนใดคนหนึ่ง เพราะหากคิดเช่นนั้นการปฏิรูปการศึกษาจะไม่สำเร็จและจะส่งผลไปถึงการพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้น เชื่อว่าอีก 5-6 ปี ข้างหน้ารัฐจะแข็งแรง สามารถขับเคลื่อนประเทศด้านการศึกษาอย่างมีคุณภาพได้
“ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่ประสบปัญหาการปฏิรูปการศึกษา เพราะหลายประเทศต้องปรับตัวในการเข้าไปสู่โลกในศตวรรษที่ 21 ซึ่งผู้บริหารและครูทุกคนก็ต้องปรับตัวให้มีทักษะด้านดิจิทัล มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษ โดยผมตั้งเป้าว่าในปีการศึกษา 2563 ครูทุกคนจะต้องพูดและสื่อสารภาษาอังกฤษได้ รวมถึงจะมีนโยบายผ่านโครงการต่างๆของโรงเรียน เช่น โครงการโรงเรียนสีขาวปลอดยาเสพติด โรงเรียนสีเขียวรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยผมไม่อยากให้มีการประกวดโครงการต่างๆเหล่านี้ เพราะจะกลายเป็นภาระของครูและนักเรียน แม้จะมีป้ายติดเต็มไปหมดแต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้คุณภาพเด็กดีขึ้น ดังนั้น ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมีวิธีบริหารจัดการโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนสีขาว และโรงเรียนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้เอง ขณะเดียวกัน ผมจะไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยว่าไม่ต้องมาทำความร่วมมือกับโรงเรียน เพื่อทำโครงการต่างๆอีก เรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผู้บริหารโรงเรียน” รมว.ศธ.กล่าวและว่า ตนพร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนเรื่องปฏิรูปการศึกษา และในสัปดาห์นี้เตรียมเชิญฝ่ายค้านที่มีข้อเสนอการจัดการศึกษามาให้ข้อคิดเห็น เพื่อร่วมกันทำงานไม่แบ่งฝ่าย.
...