ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวภายหลังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการร่วมวิจัยและพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เพื่อรังสีวินิจฉัย กับ น.ส.สุพิชญา พู่พิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอเซ็ปทรา จำกัด และนายชัยวัฒน์ พู่พิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ว่า คณะแพทยศาสตร์มุ่งเน้นการทำวิจัยและการนำองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์มาพัฒนาให้เกิดคุณประโยชน์แก่วงการสาธารณสุขของไทย จึงเกิดความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคจากภาพถ่ายรังสีทรวงอกขึ้น เนื่องจากโรคเกี่ยวกับปอด เช่น มะเร็งปอด วัณโรค ปอดอักเสบ เป็นกลุ่มโรคที่ติดอันดับทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกเมื่อสายไปแล้วที่จะรักษา ดังนั้น การนำเอไอร่วมกับความเชี่ยวชาญของกลุ่มแพทย์รังสีที่มีประสบการณ์ จึงมีส่วนสำคัญที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน

น.ส.สุพิชญากล่าวว่า เพอเซ็ปทราได้พัฒนาอินเสป็คทรา ผลิตภัณฑ์เอไอเพื่อการแพทย์ อาทิ การคัดกรองภาพถ่ายที่ใช้งานไม่ได้ การปรับภาพก่อนการวินิจฉัยและการวินิจฉัย ด้วยเอไอแบบการเรียนรู้เชิงลึกที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ 121 ชั้น ทำให้คัดกรองโรคจากภาพถ่ายเอกซเรย์ทรวงอกได้ทั้ง 14 สภาวะเสมือนการอ่านผลของแพทย์รังสี ศิริราชเห็นความสำคัญจึงร่วมมือกันเพื่อวิจัยและพัฒนาต่อยอดระบบให้นำมาใช้ได้เหมาะสมกับระบบสาธารณสุขไทยและอาเซียน

ด้าน รศ.นพ.พิพัฒน์ เชี่ยววิทย์ หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ข้อดีของการใช้เอไอเพื่อรังสีวินิจฉัยมาเสริมการทำงานของแพทย์ คือมีความรวดเร็วและแม่นยำ เช่น บางครั้งการอ่านภาพถ่ายเอกซเรย์อาจมีจุดในปอดขนาดเล็กมากอาจจะดูด้วยตาเห็นไม่ชัด แต่เอไอจะพบจุดเล็กๆนี้ในปอด แล้วจะแสดงผลเป็นวงสีเกิดขึ้น ทำให้แพทย์เห็นจุดเล็กๆนั้น ช่วยให้ตรวจเจอมะเร็งปอดได้ตั้งแต่ระยะแรกได้ เป็นต้น.

...