โครงการเยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน รุ่นที่ 7 (Belia Thai Sejiwa Sehati) ของสำนักงานศาลยุติธรรม ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานเปิดโครงการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย ส่งผลต่อความมั่นคงและความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่ และยังส่งผลให้โอกาสในการรับรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ของเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ไม่เท่าเทียมกับเยาวชนในภูมิภาคอื่น
...
ศาลยุติธรรม และ สำนักงานศาลยุติธรรม โดย นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการ ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของเยาวชนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต โดยเฉพาะเยาวชนที่มีแหล่งพำนักอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบรายวัน จึงจัดโครงการนี้ขึ้น
เพื่อเป็นสื่อกลางในการส่งต่อความห่วงใยจาก ศาลยุติธรรม สู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างจิตสำนึกให้แก่เยาวชน ให้มีคุณธรรม จริยธรรม และได้รับความรู้ ความเข้าใจ ด้านกฎหมาย สิทธิและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน
รวมถึงกระบวนพิจารณาพิพากษาคดีของศาล ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปขยายผลสร้างเครือข่ายในท้องถิ่นของตนเอง อันจะเป็นประโยชน์ และนำความสงบสุขกลับมาสู่ชุมชนที่ตนเองอยู่อาศัยและประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า โครงการเยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน รุ่นที่ 7 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25-31 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ให้แก่เยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อายุระหว่าง 15-18 ปี กำลังศึกษาในระดับมัธยมปลาย หรือเทียบเท่าใน จ.ปัตตานี, จ.ยะลา, จ.นราธิวาส และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา ประกอบไปด้วย อ.จะนะ, อ.นาทวี, อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย เข้าร่วม
เป็นโครงการในรูปแบบพหุวัฒนธรรม มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 120 คน มีเป้าหมายให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการร้อยละ 90 สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และเผยแพร่แก่ครอบครัว รวมทั้งชุมชน
ทั้งนี้ ช่วงการฝึกอบรมของกลุ่มเยาวชน ได้มีการแบ่งกลุ่มอบรมฝึกปฏิบัติในหัวข้อต่างๆ อาทิ การอยู่ร่วมกัน, การฝึกอบรมทักษะการสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์, การฝึกอบรมทักษะการสื่อสารที่ดี, การฝึกอบรมพัฒนาความคิดเชิงบวก, บทบาทของเยาวชนไทยในการเคารพกฎหมาย, ไขข้อข้องใจกฎหมายเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน
...
กฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, กฎหมายอาญาและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในคดีอาญา, กฎหมายลิขสิทธิ์, กฎหมายแพ่ง, กฎหมายอาญา, กฎหมายอิสลาม รวมถึงการฝึกทักษะการเป็นผู้นำ โดยมีผู้พิพากษาและวิทยากรอิสระ คอยให้ความรู้ตลอดหัวข้อการอบรม ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ สำนักงานศาลยุติธรรม ยังพากลุ่มเยาวชนทัศนศึกษาดูงานนอกพื้นที่ เนื่องจากกรุงเทพฯ เปรียบเสมือนศูนย์การเรียนรู้ขนาดใหญ่ที่เพิ่มพูนทักษะให้ความรู้ สามารถนำไปปรับใช้และนำไปพัฒนาท้องถิ่นได้
อาทิ ศาลฎีกา ได้ศึกษาถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรม และระบบการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศึกษาดูงานที่ พิพิธภัณฑ์ศาลไทย และ หอจดหมายเหตุ
...
ตลอดจนเข้าศึกษาดูงานที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้เกียรติมอบโอวาทให้แก่เยาวชนด้วย และยังมีโอกาสได้ชมการอภิปรายของสมาชิกวุฒิสภา อีกทั้งยังได้รับเกียรติเข้าศึกษาดูงานพระบรมมหาราชวัง
ในส่วนภาคเอกชน ได้ศึกษาดูงานรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (สถานีสนามไชย) ทดลองการใช้บริการระบบรถไฟฟ้า สถานีสนามไชย-สถานีท่าพระ รวมถึงได้เข้าศึกษาดูงานที่ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อเสริม–สร้างจินตนาการ ฝึกทักษะ ลับสมองอีกด้วย
...
สำหรับโครงการเยาวชนไทยหัวใจเดียวกันนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมจัดมาอย่างต่อเนื่องมีเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการแล้วรวมทั้งสิ้น 847 คน โดยคาดหวังว่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะนำความรู้ ประสบการณ์และความจริงใจที่ได้รับไปเป็นพลังในการดำเนินชีวิตที่ดี มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
อีกทั้งยังขยายแนวความคิดไปสู่ครอบครัวและสังคมเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้กรอบแห่งกฎหมาย
ขณะเดียวกันในระหว่างการจัดโครงการทุกรุ่น สำนักงานศาลยุติธรรม ยังได้รับรู้ถึงมิตรภาพอันงดงามที่น้องๆนำมามอบให้ ทำให้รับรู้ว่าภายใต้ระยะทางที่ห่างไกล และสถานการณ์ที่ยังไม่สงบ
แต่คนไทยก็สามารถหลอมรวมดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ตรงกับชื่อของโครงการ “เยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน”.
ทีมข่าวภูมิภาค