ปัจจุบันทางการกัมพูชาส่งเสริมให้ชาวนาปลูกข้าวหอมมะลิออร์แกนิกเพิ่มมากขึ้น หลังบริษัทส่งออกข้าวหลายรายมองเห็นช่องทางทำกำไร เพราะเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในตลาดบนของยุโรป และอเมริกา

ข้อมูลจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรุงพนมเปญ ระบบ Amru Rice บริษัทส่งออกข้าวรายใหญ่ของกัมพูชา ได้เล็งเห็นถึงโอกาสทองในตลาดข้าวออร์แกนิก ริเริ่มปรับแผนการตลาด หันมาส่งเสริมการปลูกข้าวออร์แกนิกอย่างจริงจัง ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ทำทุกอย่างให้ได้มาตรฐานทั้งของสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา

ลงทุนพัฒนาสายการผลิตใหม่ทั้งระบบ ตั้งแต่โรงสีข้าว โรงอบข้าว และเครื่องจักรสำหรับบรรจุข้าว ทำสัญญาซื้อขายในรูปแบบ Contract Farming กับเกษตรกรในจังหวัดพระวิหารและปันเตียเมียนเจย ที่ปลูกข้าวออร์แกนิกกว่า 3,000 ราย พื้นที่เพาะปลูกกว่า 5,000 เฮกตาร์ (31,250 ไร่)

รับซื้อผลผลิตข้าวปีละ 8,000-10,000 ตัน ให้ราคาสูงกว่าตลาด 15-30% เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกร ขณะเดียวกัน
มีข้าวป้อนเข้าสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถผลิตและส่งออกเพิ่มขึ้น

ต่อมาจึงเริ่มมีบริษัทส่งออกข้าวรายอื่นๆให้ความสนใจตลาดข้าวเดียวกันเพิ่มมากขึ้น เกิดการแข่งขันเพิ่มขึ้น คนที่ได้ประโยชน์จากการแข่งขัน คือชาวนากัมพูชานั่นเอง

ราคาข้าวออร์แกนิกที่มีราคาดีกว่าข้าวขาวธรรมดา แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ข้าว Organic red Jasmine ตันละ 1,407 เหรียญสหรัฐฯ (43,300 บาท) ข้าว Organic Jasmine ตันละ 1,377 เหรียญสหรัฐฯ (42,200 บาท) และข้าว Organic brown Jasmine ตันละ 1,250 เหรียญสหรัฐฯ (38,500 บาท)

กัมพูชาเข้าใกล้เป้าหมายทำให้ชาวนาตัวเองเป็นเช่นเดียวกับประเทศพัฒนาแล้วเข้าไปทุกที...จะเหมือนบ้านเราหรือไม่ ยิ่งทำดูจะยิ่งถอยห่างเป้าหมายไปทุกที.

...