“หมอดื้อ” หรือ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แผนกประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภากาชาดไทย ตอกย้ำชัดเจนถึงความเลวร้ายของสารเคมีพิษและความเลวร้ายยิ่งกว่าของผู้สนับสนุนส่งเสริมการใช้เพื่อผลประโยชน์...โดยไม่คำนึงถึงชีวิตคนไทยที่สูญเสีย

คำเตือน! เรื่อง “สุขภาพ”...เฝ้าระวังแผ่นดินอาบสารพิษยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านมานับเดือนนับปีแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ...เลิกใช้ 3 สารเคมีอันตรายลงไปได้ ตรงกันข้ามเสมือนกับว่าหมอ...นักวิชาการผู้ที่ออกมาเตือนถึงอันตรายจะถูกรังแกเสียด้วยซ้ำ

สะท้อนได้จาก...หนังสือด่วนที่สุดจากต้นสังกัด บันทึกข้อความ “ลับ” ส่งตรงมายัง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เรื่อง...แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีมหาวิทยาลัยได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาว่าท่านได้ออกข่าวว่าวงการแพทย์พบคนไข้ตายจากสารพาราควอตจำนวนมาก

แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุแห่งการตาย ซึ่งเป็นการนำข้อมูลด้านการแพทย์ให้ข่าวไม่หมด สร้างความเข้าใจผิดให้สังคมทำให้ “เกษตรกร” เป็นแพะรับบาปจากการใช้สารเคมีและได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับสารตกค้างในผักและผลไม้ โดยกล่าวถึงห้องปฏิบัติการที่ไทยแพลนใช้ตรวจสอบสารได้มากกว่า 400 ชนิด

และผู้ถูกร้องเรียนยังได้โพสต์เฟซบุ๊กที่มีข้อความระบุชื่อ...นางสาว ...ดำเนินกิจกรรมโดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทผู้ผลิตและผู้ขายสารพิษพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส และเบื้องหลังเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองเป็นตัวแทนบริษัทค้าสารพิษ

ผู้ร้องเรียนเห็นว่าพฤติกรรมผู้ถูกร้องเรียนได้นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และได้รับความอับอาย เป็นการกระทำผิดจริยธรรมและกระทำผิดวินัย

...

คณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว จึงขอเชิญท่านมาให้ข้อเท็จจริงแก่คณะกรรมการฯเพื่อเป็นหลักฐานในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ในวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2562 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 203 อาคารจามจุรี 3 ชั้น 2 พร้อมทั้งนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการให้ข้อเท็จจริง

สารพิษฆ่าหญ้า ฆ่าแมลงเป็นความจริงที่ต้องยอมรับ เป็นภัย! รอบตัวของเราๆท่านๆ ทั้งยังเป็นภัยสำคัญต่อ “ผู้ใช้”...ชาวสวน...ชาวนาที่ใช้ไปในช่วงแรกๆก็ดี แต่ผ่านไปสักพัก “ระบบนิเวศ”...ของผืนดินแปลงนั้นจะถูกทำลายลง และผลก็คือดินจะไม่อุดมสมบูรณ์ การเพาะปลูกก็จะไม่ยั่งยืน

แต่จะหยุดใช้ก็กลัวเพราะโดนบริษัทสารเคมีล้างสมองว่า ถ้า... “หยุด” ผักผลไม้จะมีปัญหา

“...จึงใช้ต่อไปทั้งๆที่คนปลูกเองก็ไม่กล้ากินของที่ปลูก มาถึงผู้บริโภคส่วนที่มันตกค้าง ล้างแล้วก็ล้างออกได้ไม่หมด มะเร็งก็เป็นมหาศาล” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ว่า

“เคยได้ยิน...ไกลโฟเซตไหม สารเคมีพิษฆ่าหญ้าที่ชอบพูดกันว่าอันตรายน้อยกว่าเกลือ แต่เสียใจด้วยเพราะมันก่อมะเร็งเช่นกัน ยังเป็นพิษต่อตับ ไต ปอด มีก่อสมองอักเสบและสมองฝ่ออีกด้วย”

อันตรายของ “สารเคมี” พิษต่อสุขภาพ...กระบวนการย้อนแย้งในการยืดอายุการใช้สารเคมีพิษต่อไปอีกเรื่อยๆ ทั้งๆที่ประชาชนคนไทยเจ็บป่วยมหาศาลและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

จะเป็นกระแสฉาบฉวยหรือเปล่าไม่มีใครรู้ ที่แน่ๆเมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าว “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ยัน สธ.ไม่เห็นด้วยกับการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเสี่ยงสูง 3 ชนิด เพราะกระทบสุขภาพชัดเจน แต่การยกเลิกเป็นอำนาจของกระทรวงเกษตรฯ

ด้าน “วิวัฒน์ ศัลยกำธร” อดีต รมช.เกษตรฯ ชี้ถ้ายกเลิกไม่ได้ต้องปลดข้าราชการ

หมอดื้อ ย้ำว่า คนไทยต้องรับทราบความร้ายแรงของสารเคมีพิษฆ่าหญ้าฆ่าแมลงไม่ใช่เพียงแค่ผลกระทบทันทีเสียชีวิตจากหนังเน่าเนื้อเน่าและเกิดการติดเชื้อตามมา หรือเข้าทางเยื่อบุผิวหนังอ่อน ฝอยละอองเข้าทางการหายใจ...แม้มีการแต่งตัวมิดชิดก็มีโอกาสได้สารพิษเหล่านี้ทีละเล็กทีละน้อยและตาย

“สารเคมี” ที่ปะปนในอาหารพืชผักผลไม้ล้างไม่ออก ต้มไม่ทำลาย และเกิดมะเร็ง โรคทางสมอง...ส่งผลต่อตับ ไต ระบบภูมิคุ้มกัน...หลักฐานเหล่านี้นำมาซึ่งการวินิจฉัยและลงมติของท่านประธานผู้ตรวจการแผ่นดินให้แบนสารเคมีพิษเหล่านี้ภายในสิ้นปี 2562 คนที่ออกมาบอกว่าไม่มีหลักฐานทางด้านวิชาการจะใช้หลักฐานของบริษัทสารพิษทั้งสิ้น พร้อมทั้งกล่าวว่าเมื่อเกษตรกรผู้ใช้เลินเล่อก็ตายไป...

คนทั่วไปสามารถอ่านข้อมูลได้ในสมุดปกขาวซึ่งรวบรวมหลักฐานความร้ายกาจของสารเคมีพิษเหล่านี้ที่ปะปนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศไทยเข้าไปในพืชผักผลไม้ เข้าไปในอาหาร ลงไปในน้ำประปา ลงไปในน้ำในเขื่อน จากแม่สู่ลูก และเผยแพร่ในคอลัมน์หมอดื้อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ...ค้นหาด้วยกูเกิล “ไทยรัฐ หมอดื้อ” มีทั้งหมด 7 ตอน และมีตอนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีเหล่านี้รวมทั้งไกลโฟเซต อีกทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ขั้นลึกสามารถอธิบายกลไกเหล่านี้ได้ตั้งแต่ก่อนปี 2012 แม้กระทั่งปรากฏอยู่ในตำราต่างๆ

...

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกอีกว่า กระบวนการชั่วร้ายของบริษัทสารเคมีพิษ กล่าวหานักวิชาการที่เปิดโปงอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยทั้งประเทศและสิ่งแวดล้อม...อาหาร พืชผัก ผลไม้...

ข่มขู่ให้ ดร.พวงรัตน์ออกจากมหาวิทยาลัยนเรศวร

“กระบวนการดังกล่าวได้ทำติดต่อ...ต่อเนื่องไปยังนักวิชาการทั้งหลายในประเทศไทย รวมกระทั่งตัวหมอเอง โดยมีการยื่นไปที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้หาและแสดงหลักฐานว่าสารเคมีพิษพาราควอต นำไปสู่โรคหนังเน่าเนื้อเน่ามหาศาลในประเทศไทย...และการปนเปื้อนสารเคมีมหาศาลในพืชผักผลไม้ ที่พบได้ 41%”

แน่นอนว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าสารเคมีพิษมีอันตรายมากมายแค่ไหนและไม่ใช่แต่โรคหนังเน่าเนื้อเน่าเท่านั้น แต่รวมถึงพิษเฉียบพลัน พิษสะสม พร้อมๆกับแสดงหลักฐานประจักษ์ชัดในการตรวจการปะปนของสารพิษเหล่านี้ ในพืชผักผลไม้โดยนักวิชาการและองค์กรอิสระ

นอกจากนั้นจะแสดงให้เห็นว่า...กรรมการที่หาหลักฐานอันตรายของสารเคมีพิษต่อสุขภาพเหล่านี้ที่ตั้งโดยคุณสุวพันธ์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้วประกอบไปด้วย “คนที่ไม่เป็นกลาง” รวมทั้งยังประกาศตัวในที่ประชุมว่าเป็นผู้สนับสนุนในการใช้สารเคมีพิษเหล่านี้ และยอมรับโดยท่านรัฐมนตรี!

...

“จากความไม่เป็นกลางและแสดงถึงผลประโยชน์ทับซ้อนของหลายๆคนในกรรมการชุดนั้น ทำให้หมอและกรรมการอีกสองท่านจากมหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยนเรศวร ลาออกจากกรรมการ ทั้งนี้หลักฐานต่างๆที่ส่งไปยังกรรมการชุดนั้นไม่ถูกนำมาพิจารณาอย่างเป็นกลาง...

นอกจากนั้นกรรมการวัตถุอันตรายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ยังมีการยอกย้อนฝืนมติของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2560 และในปี 2561 เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกวันที่ 23 พฤษภาคม 2561...

ทั้งสองครั้งกรรมการวัตถุอันตรายยืนยันว่าสารเคมีทั้งสามตัว พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นการต่อต้านมติของท่านประธานสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินที่ท่านได้ย้ำในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ให้มีการแบนสารพิษเหล่านี้ในสิ้นปี 2562”

อย่าลืมครับวันที่ 29 สิงหาคม 2562 นี้...เกิดมาเป็นคนไทย อย่าให้เสียชาติเกิด #กำจัดคนเลวให้สิ้นซาก.