สมหมาย
Young Smart Farmer (YSF) การพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ของกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อทดแทนเกษตรกรผู้สูงอายุ สร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยยึดหลักการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรด้วยตัวเกษตรกร
นับจากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2557 มาจนถึงปัจจุบันมี YSF แล้ว 7,000 ราย ไม่เพียงมีการ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาด ยังทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่ได้รู้จักวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด...ไม่ใช่สักแต่ทำเกษตรปลูกพืชตามที่ต้องการเหมือนเกษตรกรรุ่นเก่า
“เมื่อก่อน ทำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 15 ไร่ ปลูกพืช แบบเชิงเดี่ยว มีต้นทุนทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรงงาน ปีละ 50,000 บาท เก็บผลผลิตขายเหลือได้กำไรปีละ 25,000 บาท แถมบางปีเจอพายุ ผลผลิตเสียหายทั้งหมด ไปกู้เงิน ธ.ก.ส.มาลงทุนใหม่ ไม่ได้ผลผลิตอีก กลายเป็นหนี้ 400,000 บาท เลยขอหยุด ตอนหลังเปลี่ยนมาปลูกพืชแบบผสมผสาน อะโวคาโด 30% มะขามเปรี้ยวยักษ์ 20% ผักหวานป่า 30% อีก 20% เป็นไม้ยืนต้น ไม้เต็ง ไม้เชือก ไผ่ ทำให้มีรายได้ทั้งจากพืชผักและพืชสวน เข้ามาตลอดทุกฤดูกาลผลิต มีกำไรปีละไม่น้อยกว่า 150,000 บาท”
...
นายสมหมาย หอมวงษ์ วัย 43 ปี เจ้าของ “สวนเกษตรสมบูรณ์” บ้านวาเล่ย์ หมู่ 2 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก เล่าย้อนอดีต ก่อนจะมาเป็นยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ผู้ประสบความสำเร็จ และก้าวขึ้นมาเป็นวิทยากรให้ความรู้กับเกษตรกรรุ่นใหม่ จ.ตาก ร่วมกับทางจังหวัดสานต่อนโยบาย “อำเภอพบพระ เมืองแห่งอะโวคาโด” รวมกลุ่ม YSF คัดเลือกสายพันธุ์ที่ปลูกแล้วให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี ลูกดก เหมาะกับภูมิประเทศ และสอดคล้องกับภาวะความต้องการของตลาด
เพราะพันธุ์ที่ปลูกให้ผลผลิตไม่เพียงพอป้อนกับความต้องการของตลาดได้ตลอดปี พ.ย.-ก.พ. ต้องนำเข้าจากพม่า มี.ค.-มิ.ย. ต้องนำเข้าจากเวียดนาม เลยต้องมาวางแผนการผลิตและการตลาดให้สอดคล้องกัน ปัจจุบันยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์กลุ่มที่มี สมหมาย เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ สามารถหาพันธุ์ที่ให้ผลผลิตตามที่ต้องการได้แล้ว 4 สายพันธุ์
“สิ่งที่เราถ่ายทอดความรู้ให้ YSF รุ่นใหม่ ส่วนใหญ่เป็นด้านเทคนิคการทำตลาดในด้านต่างๆ วิธีการปลูก การเก็บเกี่ยวอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่ได้มาตรฐานสอดคล้องและตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงความรู้ด้านเทคนิคการห่อบรรจุภัณฑ์ หลักการขนส่งสินค้าอย่างไรให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด รวมถึงการทำปุ๋ยชีวภาพที่เป็นพื้นฐานความรู้ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในทุกวันนี้”
นายดวงเด่น แดงบุตร YSF วัย 36 ปี เจ้าของ “สวนควายปอน” ต.กองก๋อย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน สวนเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานในพื้นที่เพียง 10 ไร่ ปลูกกล้วยหอมทอง 50% ผักต่างๆ 20% อะโวคาโด 10% และส้มเขียวหวาน มะม่วง แก้วมังกร รวมกันอีก 10% บอกว่า ต้องใช้ความพยายามในการพัฒนาการปลูกพืชให้ได้ผลผลิตเพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี
แม้ปัจจุบันสามารถประกอบอาชีพด้านการเกษตรมีรายได้ที่ดีและพอเพียง เลี้ยงพ่อแม่ได้ก็ตาม แต่ยังต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ จากแหล่งความรู้ต่างๆ และจากเพื่อนๆในกลุ่ม YSF เข้ามาเพิ่มทักษะและพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ
...
เพราะการทำเกษตรบนดอย ต้องสู้กับธรรมชาติมาก มีข้อจำกัดทั้งเรื่องแหล่งน้ำ ผลกระทบจากภัยแล้ง พายุฝนอย่างหนัก จึงต้องพยายามคิดหาวิธีแก้ไข โดยการหาวิธีเก็บกักน้ำไว้ใช้ในยามจำเป็น ขณะเดียวกันบางปีปริมาณผลผลิตมีมาก มีปัญหาการระบายสินค้าในตลาด ราคาที่ขายได้ในปีนั้นจะไม่ค่อยดี จึงหันมาทำการแปรรูปกล้วยหอมทองเป็นกล้วยอบ เป็นต้น
เกิดเป็นเกษตรกรไม่ว่าจะยุคไหน ล้วนต้องดิ้นรนกันทั้งสิ้น...แต่จากวิธีคิด วิธีปฏิบัติที่ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์เหล่านี้เล่าถ่ายทอดให้ฟัง นับเป็นสัญญาณที่ดี ที่โครงการ YSF เริ่มทำให้เกษตรกรไทยรู้จักปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันได้ในโลกยุคดิจิทัล เตรียมตัวก้าวไปสู่ฝันการเป็นเกษตรกร 4.0.
ไชยรัตน์ ส้มฉุน