สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีอุทาหรณ์เกี่ยวกับการขายดาวน์รถ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ไม่มีความสามารถในการผ่อนค่าเช่าซื้อให้กับไฟแนนซ์ได้ บางท่านขายดาวน์ให้กับผู้ที่มีความต้องการใช้รถจริงๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อ และผู้ซื้อก็ปฏิบัติตามสัญญาโดยผ่อนค่าเช่าซื้อจนครบถ้วน มีการโอนทะเบียนให้แก่กันเรียบร้อย แต่ก็มีหลายท่านที่โชคร้ายนำรถไปขายดาวน์ให้กับมิจฉาชีพ หรือขายรถไปให้กับคนรู้จัก โดยหวังว่าผู้ซื้อดาวน์รถจะชำระค่าเช่าซื้อจนครบถ้วน แต่ผู้ซื้อดาวน์รถกลับไม่ผ่อนค่าเช่าซื้อต่อ แถมยังเอารถไปขายต่อให้บุคคลอื่น หรือเอาไปจำนำ สุดท้ายหารถไม่เจอ และคนขายดาวน์รถก็ต้องตกเป็นจำเลยตามระเบียบ เนื่องจากถูกไฟแนนซ์ฟ้องดำเนินคดี เนื่องจากผิดสัญญาเช่าซื้อ

วันนี้ผมมีอุทาหรณ์ เรื่องการขายดาวน์รถต่อ โดยที่ไม่แก้ไขสัญญาหรือเปลี่ยนผู้เช่าซื้อ ซึ่งเกิดขึ้นจริงมาเล่าให้กับท่านผู้อ่านเป็นประสบการณ์ครับ เผื่อว่าจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้กับท่าน หรือคนรู้จัก ที่มีความประสงค์จะขายดาวน์รถจะได้ตัดสินใจ และคิดให้รอบคอบก่อนที่จะขายดาวน์

กรณีนี้เป็นกรณีที่มีผู้ขายดาวน์รถประกาศขายดาวน์รถทางสื่อสังคมออนไลน์ ต่อมามีผู้สนใจซื้อดาวน์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจผู้ขายดาวน์จึงได้จัดทำหนังสือสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อดาวน์รถ มีหน้าที่จะต้องไปผ่อนต่อจนครบถ้วน แต่หากผู้ซื้อดาวน์รถไม่ชำระค่างวด หรือปฏิบัติผิดสัญญา ผู้ขายดาวน์รถมีสิทธิ์ที่จะยึดรถคืนได้ทันที

ต่อมาไม่นานผู้ซื้อดาวน์รถก็ไม่ชำระค่างวดให้แก่ไฟแนนซ์ ทำให้ไฟแนนซ์โทรศัพท์ติดตามทวงถามค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระกับผู้ขายดาวน์รถ ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อหลักตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาท รวมถึงผู้ค้ำประกัน เมื่อผู้ขายดาวน์รถทราบเรื่องจึงรีบติดต่อไปยังผู้ซื้อดาวน์รถ แต่กลับติดต่อไม่ได้ และบล็อกทุกช่องทางการสื่อสาร ผู้ขายดาวน์รถจึงมอบหมายให้สามี ไปติดตามเอารถยนต์คันพิพาทคืนจากผู้ซื้อดาวน์รถ ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา

...

เมื่อไปถึงบ้านของผู้ซื้อดาวน์ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่บ้าน และไม่มีรถจอดอยู่ สามีของผู้ขายดาวน์รถจึงเดินทางกลับ ระหว่างทางแวะห้างสรรพสินค้า และเป็นความโชคดีนะครับ ขณะที่กำลังวนหาที่จอดรถ สายตาก็เหลือบไปเห็นรถคันที่พิพาทจอดอยู่ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว สามีของผู้ขายดาวน์รถไม่รอช้า คว้ากุญแจสำรองสตาร์ตรถขับออกจากห้างสรรพสินค้า พร้อมกับติดต่อไฟแนนซ์ให้มารับรถพิพาททันที

เรื่องไม่จบเพียงแค่นี้ครับ หลังจากที่ผู้ซื้อดาวน์รถหารถพิพาทไม่พบจึงแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ขายดาวน์รถและสามีในข้อหาลักทรัพย์ โดยอ้างว่ามีทรัพย์สินอยู่ในรถ และข้อหาฉ้อโกง โดยอ้างว่ามีการหลอกให้ซื้อดาวน์รถและมายึดรถคืน คดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนครับ และเป็นหน้าที่ของผู้ขายดาวน์รถและสามีที่จะต้องนำพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน เพื่อที่จะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องต่อไป หากมีความคืบหน้าจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งนะครับ

หวังว่าอุทาหรณ์เรื่องนี้จะเป็นความรู้ให้แก่ท่านที่กำลังตัดสินใจจะขายดาวน์รถ หรือขายดาวน์รถไปแล้วก็ตาม ควรมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร มีข้อตกลงสภาพบังคับกรณีที่ผู้ซื้อดาวน์รถผิดสัญญา ผู้ขายดาวน์มีสิทธิ์ทำอะไรได้บ้าง เอกสารหลักฐานในการส่งมอบรถ หลักฐานในการชำระเงินดาวน์ หลักฐานข้อความที่สนทนาทางแอปพลิเคชันต่างๆ รายละเอียดการใช้โทรศัพท์หรือช่องทางการสื่อสารอย่างอื่นที่อ้างว่าติดต่อผู้ซื้อดาวน์รถไม่ได้ สำเนาบัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้านของผู้ซื้อดาวน์รถ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ท่านไม่ได้มีเจตนาทุจริต หรือแสวงหาประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดฐานข้อหาลักทรัพย์หรือฉ้อโกงครับ

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK