เหตุเครนที่ก่อสร้างอาคารริเวอร์การ์เด้นโรงแรมสูง 20 ชั้น หักตกบนตัวอาคารโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ มีแผ่นเหล็กพื้นนั่งร้าน 30 แผ่น ตกใส่รถยนต์และเด็กนักเรียนผู้หญิง 10 คนได้รับบาดเจ็บ มีนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ถูกแผ่นเหล็กตกใส่ศีรษะกะโหลกร้าว และหมดสติ แพทย์ต้องเฝ้าระวังเลือดออกในสมอง

ที่น่าห่วงคือโรงเรียนบอกว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรก แต่ไม่ได้หนักขนาดนี้ ก่อนที่จะมีการก่อสร้างอาคาร มีการเจรจาตกลงกันแล้วว่าจะทำการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายหรือให้ทางโรงเรียนได้รับผลกระทบ ไม่ว่าเรื่องเสียงหรือเรื่องการปิดกั้นสิ่งของต่างๆที่จะตกหล่นลงมา

ก่อนหน้ามีเหตุวัสดุก่อสร้างตกใส่โรงเรียน 4 ครั้ง แต่ไม่มีคนบาดเจ็บ โรงเรียนร้องที่ สำนักงานเขตบางรัก และ สน.บางรัก หลายครั้ง แต่ไม่มี ใครสนใจ มีการพูดจากันตลอด ครั้งหลังประชุมวันที่ 13 มิ.ย. มีตัวแทนจากเขตบางรัก ตำรวจ สน.บางรัก ตัวแทนจากบริษัทก่อสร้าง โรงเรียนได้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง

โรงเรียนแจ้งเตือนทุกครั้ง

ตามข่าวว่า ก่อนหน้านี้แจ้งที่เขตบางรัก แต่ฝ่ายโยธาเขตบางรักแจ้งว่าเป็นเพียงวัสดุที่ตกหล่นลงมา เป็นความเสียหายทางแพ่ง บริษัทรับผิดชอบอยู่แล้ว ถ้าไม่เสียชีวิตไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมีเหตุบอกว่าสำนักงานกรุงเทพมหานครมีคำสั่งห้ามโรงแรมตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เพราะตรวจสอบพบว่า ดำเนินงานผิดจุดประสงค์ที่แจ้งไว้

หลังมีคำสั่งห้ามโรงแรมเข้าดำเนินการ แต่ยังมีเหตุเกิดขึ้น ยังมีการประชุมตำรวจและเขตบางรัก ร่วมกับทางโรงเรียน แสดงว่า เจ้าหน้าที่รู้เห็นหรือปล่อยให้ก่อสร้าง พอมีปัญหาผู้ว่าฯ กทม.สั่งย้ายหัวหน้าฝ่ายโยธาเขตบางรัก เหตุปล่อยปละละเลย และแจ้งความดำเนินคดีแพ่งและอาญากับทางบริษัทก่อสร้าง เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

...

แต่น่าจะมีการแก้ไขตั้งแต่ต้น ไม่น่าจะมีเหตุเกิดเครนล้มใส่นักเรียน ตามข่าวที่โรงเรียน ผู้ปกครอง ไม่น่าจะเรียกว่า “อุบัติเหตุ” หรือ “ลักลอบ ก่อสร้าง” น่าจะเข้าข่ายปล่อยปละละเลย หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้เครนล้มและวัสดุตกหล่นเป็นครั้งที่ 5 นักเรียนบาดเจ็บสาหัสผู้ปกครองทนไม่ไหว ส่งต่อข้อมูลออกมา

ประจานความชุ่ยผู้เกี่ยวข้อง

แม้เจ้าหน้าที่ กทม.อ้างว่า มีคำสั่งระงับการก่อสร้าง โยนความผิดต่อไปที่เจ้าของโครงการก่อสร้าง แต่การที่ไม่ตรวจสอบปล่อยให้มีการก่อสร้าง ทั้งที่โรงเรียนแจ้งเตือนมีเหตุเสี่ยงอันตรายกับเด็กนักเรียน และหลักฐานบันทึกการประชุมร่วมของเจ้าหน้าที่กับโรงเรียนหลายครั้ง เป็นพยานหลักฐานนำไปสู่การสืบหาคนรับผิดชอบ

เหตุเครนล้มครั้งนี้น่าจะเป็น “บทเรียน” ที่สำคัญ สำนักงานเขต ให้ความสนใจปัญหาการก่อสร้างอาคารสูง คอนโด ป้ายโฆษณา ที่อยู่ใน “พื้นที่เสี่ยง” แต่ได้รับการอนุมัติให้ก่อสร้าง ดัดแปลงอาคาร

ไม่รู้ปล่อยอนุมัติให้ผ่านไปได้อย่างไร.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th