ขนส่งร่วมตร. เชื่อม-ข้อมูล ถึง‘30ก.ย.61’
กรมการขนส่งทางบกเอาจริง จับมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเดย์ 1 ตุลาคมนี้ เชื่อมโยงข้อมูลใบสั่ง-ค่าปรับ หากไม่จ่ายค่าปรับเวลามาต่อภาษีรถยนต์จะไม่ได้ป้ายวงกลมตัวจริง เสี่ยงโดนปรับเพิ่มอีก 2,000 บาท พร้อมเปิดช่องพวกหัวหมอให้อุทธรณ์ใบสั่งได้ใน 30 วัน ด้านตำรวจกำหนด 19 ธันวาคมนี้ ตรวจจับพวกทำผิดกฎจราจรเจอหักแต้ม-ไม่ต้องพกใบขับขี่ตัวจริง หวังสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนน
ที่กรมการขนส่งทางบก เมื่อวันที่ 29 พ.ค.นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แถลงผลการประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงความคืบหน้าการเชื่อมโยงระบบใบสั่งจราจร (PTM) หลังทดลองทดสอบการเชื่อมระบบอายัดทะเบียนรถเมื่อมาชำระภาษีรถประจำปี กรณีที่ประชาชนค้างชำระค่าปรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายจราจรว่า จากการประชุมร่วมกันได้ข้อสรุปว่า การบังคับใช้ว่าด้วยการจราจรทางบกจะเริ่มมีการเชื่อมโยงส่งข้อมูลร่วมกันระหว่างตำรวจกับขนส่งทางบกตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62 เป็นต้นไป ส่วนประชาชนที่เคยได้รับใบสั่งจากตำรวจย้อนหลัง จากวันที่ 1 ต.ค.62 กลับไป 1 ปี-30 ก.ย.61 แม้ข้อมูลจะยังไม่เชื่อมในระบบ ประชาชนก็ยังต้องเสียค่าปรับตามใบสั่ง ทั้งนี้เมื่อการเชื่อมโยงส่งข้อมูล มีผลบังคับใช้แล้วประชาชนที่ได้รับใบสั่งหากไม่ได้ไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจ สามารถมาเสียค่าปรับพร้อมกับการเสียภาษีรถประจำปีที่สำนักงานขนส่งทางบกได้ เนื่องจากระบบทางตำรวจจะส่งข้อมูลมายังขนส่งทางบกด้วย โดยขนส่งจะบันทึกข้อมูลการชำระค่าปรับในระบบซึ่งระบบจะเชื่อมโยงกับระบบใบสั่งจราจร ซึ่งผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถก็จะได้เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม)
รองอธิบดี ขบ.กล่าวอีกว่า กรณีประชาชนที่ต้องเสียค่าปรับตามใบสั่ง แต่ยังไม่สะดวกที่จะเสียค่าปรับพร้อมกับการเสียภาษีรถยนต์ในคราวเดียวกัน ทางขนส่งทางบกจะให้เจ้าของรถเสียภาษีประจำปีรถยนต์ได้ก่อน แต่เจ้าของรถที่เสียภาษีจะไม่ได้ป้ายวงกลม แต่จะได้หลักฐานการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว ซึ่งใบที่ออกแทนเพื่อให้เจ้าของรถสามารถแสดงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อถูกเรียกตรวจได้ภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของรถถูกเรียกตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อาจจะโดนข้อหาไม่ติดแผ่นป้ายวงกลมหน้ารถได้เช่นกัน ขณะเดียวกันหากเจ้าของรถกลับมาชำระค่าปรับแล้วก็สามารถนำหลักฐานใบเสร็จการชำระมาแสดงเพื่อรับเครื่องหมายป้ายวงกลมฉบับจริงได้ภายหลัง นอกจากนั้น กรณีเจ้าของรถที่โดนใบสั่ง หากจะปฏิเสธข้อหาของการโดนใบสั่งและไม่ยอมเสียค่าปรับ สามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งการอุทธรณ์จะต้องดำเนินการฟ้องร้องกับศาล หากศาลมีคำสั่งออกมาว่าไม่ผิดถึงจะหลุดพ้นไม่ต้องเสียค่าปรับได้เช่นกัน
...
“หากเจ้าของรถไม่ดำเนินการใดๆ กับใบสั่ง และใช้หลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว เกิน 30 วัน ก็มีความผิดฐานใช้รถยนต์โดยไม่มีป้ายวงกลม มีโทษปรับ 2,000 บาท ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถแจ้งกรมการขนส่งฯ ให้งดออกป้ายวงกลมสำหรับรถคันดังกล่าวและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าของรถจะไม่ยอมชำระใบสั่ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมกรมขนส่งฯก็ไม่มีบทลงโทษด้วยการอายัดป้ายทะเบียนรถตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้” รองอธิบดี ขบ.กล่าว พร้อมชี้แจงข้อถกเถียงเรื่องใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ปัจจุบันขนส่งทางบกรองรับใบขับขี่เพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ ใบขับขี่ตัวจริง และใบขับขี่ดิจิทัลบนแอปพลิเคชันของกรม ส่วนสำเนาใบขับขี่จะใช้ได้ในบางกรณีเท่านั้น เช่น ใช้เป็นหลักฐานต่อศาล เป็นต้น
ด้าน พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ตำรวจและขนส่งทางบกจะเริ่มเชื่อมโยงข้อมูลใบสั่งและการชำระภาษีรถยนต์ตั้งแต่ 1 ต.ค.62 เป็นต้นไป แต่หากประชาชนที่ได้รับใบสั่งขณะนี้ก็จะถูกนำข้อมูลมาเชื่อมโยงกับระบบด้วย เพราะระบบจะแสดงใบสั่งที่ยังไม่หมดอายุความ ซึ่งตามปกติใบสั่งจะมีอายุความ 1 ปี อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้จะเร่งประชาสัมพันธ์กับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยจากสถิติในปี 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจออกใบสั่งให้ผู้กระทำผิดกว่า 11.8 ล้านใบ แต่มีผู้ที่ได้รับใบสั่งกลับมาเสียภาษีเพียง 2 ล้านใบ ค้างไม่มาเสียค่าปรับกว่า 9.7 ล้านใบ ได้รับค่าปรับโดยเฉลี่ยกว่า 500 ล้านบาท ส่วนปี 62 จากต้นปีมาถึงปัจจุบัน ได้ออกใบสั่งไปกว่า 7 ล้านใบ มาจ่ายค่าปรับตามใบสั่งเพียง 1 ล้านใบ ค้างจ่ายค่าปรับกว่า 5.9 ล้านใบ นอกจากนี้ พบว่าในปี 61 มีผู้กระทำผิดซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง สูงถึง ร้อยละ 20 หรือประมาณกว่า 1 ล้านใบ ส่วนการกระทำผิดครั้งเดียวมี 4 ล้านใบ
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วน พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.ย.62 นั้น ในเรื่องดังกล่าวจะเห็นได้ว่า กฎหมายฉบับนี้มีเนื้อหาใหม่ในหลายประเด็น ส่งผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกจะต้องร่วมกันออกประกาศ ระเบียบ หรือกฎหมายลูกขึ้นมารองรับภายใน 90 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ หรือไม่เกินวันที่ 19 ธ.ค.62 สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องมีการออกกฎหมายลูก ได้แก่ 1.การเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ 2.การกำหนดคะแนนความประพฤติของผู้ขับขี่และแนวทางการฝึกอบรมสำหรับผู้ที่ถูกตัดแต้ม และ 3.การใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะเป็นผู้กำหนดใบขับขี่และตำรวจจะเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยทั้งหมดจะบังคับใช้ได้ไม่เกินวันที่ 19 ธ.ค.62 นี้
ด้าน พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า มาตรการเชื่อมโยงข้อมูลใบสั่งและการชำระภาษีรถประจำปีมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย และลดอุบัติเหตุทางถนน เพราะร้อยละ 75 ของอุบัติเหตุทางถนน เกิดจากการไม่เคารพกฎจราจร โดยประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนจำนวนมาก ตั้งแต่ต้นปี 2562 ถึงปัจจุบัน มียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 6,954 คน และบาดเจ็บ 4.2 แสนคน เฉพาะช่วงครึ่งเช้าของวันที่ 28 พ.ค.วันเดียว มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 38 ราย และบาดเจ็บกว่า 1,000 ราย