ด้วยความ “อาถรรพณ์” อย่างมากถึงมากที่สุด ...กลายเป็น “ความเชื่อและศรัทธา” ที่มีต่อ “ศาลปู่จันทร์โสม” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของคนอำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ และประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ต่างนำเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆมาถวาย และใครขับรถผ่านต้องยกมือไหว้ บีบแตรให้การเคารพ
30 ปีล่วงมาแล้ว “ศาลปู่จันทร์โสม” ดั้งเดิมมี “ต้นมันปลา” หรือ “ต้นกันเกรา” อายุ 100 กว่าปี ยืนต้นตายอยู่ตรงกลางสี่แยกพอดี ในเส้นทางไปน้ำตกสำโรงเกียรติและเป็นจุดตั้งตรงใจกลางเมืองขุนหาญ ชาวบ้านเรียกกันว่า...สี่แยกต้นมันปลา ซึ่งในช่วงเวลานั้นกำลังมีการพัฒนาถนนหนทางให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น
นายอำเภอยุคนั้นสั่งให้คนงานเร่งเข้าไปตัดต้นมันปลาออกจากพื้นที่ก่อสร้างถนน ระหว่างคนงานตัดอยู่นั้นได้พลัดตกเสียชีวิตทันที 1 ราย ทำให้ต้องระงับการตัดออกไป ไม่กี่วันต่อมาคนงานที่มาตัดต้นมันปลาอีกคนก็ได้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ หนำซ้ำ...เวลาผ่านไปแค่ราวๆ 1 เดือนนายอำเภอคนสั่งตัดก็ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ
เสียชีวิตพร้อมภรรยา...เรื่องราวเหล่านี้นี่เองทำให้ชาวบ้านขุนหาญต่างเชื่อว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของต้นไม้ใหญ่ (ต้นมันปลา) และไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปตอแยต้นไม้อาถรรพณ์อีกเลย...เท่าที่เห็นมีเพียงเจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมาล้อมไว้ ทำสัญญาณแจ้งเตือนผู้ขับขี่สัญจรให้ระวังเรื่องอุบัติเหตุ แต่ทว่า...ในช่วงกลางดึกก็มักมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นหลายอย่าง อาทิ ผู้ขับขี่รถผ่านจุดนี้มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง มีทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต!
ผู้ประสบอุบัติเหตุบ้างก็เล่าว่าพบเห็นชายชรา...นุ่งขาวห่มขาวยืนอยู่ข้างต้นมันปลา ...บ้างก็บอกว่าขับรถมามองไม่เห็นต้นไม้อยู่กลางทาง อาจเป็นเพราะถูกสิ่งที่มองไม่เห็น...บังตาไว้ ชาวบ้านต้องรีบนำหมอธรรม หรือร่างทรงมาประกอบพิธีตามความเชื่อ จนทราบว่า...เจ้าที่อาศัยอยู่ในต้นมันปลาไม่พอใจที่มีคนลบหลู่
...
ต้องถูกสั่งสอนสังเวยชีวิตไปแล้วนับไม่ถ้วน...
ประกอบกับเจ้าที่อาศัยอยู่ที่ต้นมันปลาต้องการบริวารมาเป็นข้ารับใช้ และทหารมาช่วยในการปกป้องดูแลเมืองขุนหาญ ในทุกต้นเดือนต้องมีผู้สังเวยชีวิต ทำให้ชาวบ้านไม่มีใครกล้าขับรถผ่านต้นมันปลา
“พระครูปลัดพานิช” เจ้าอาวาสวัดศรีขุนหาญ ได้นำร่างทรงมาทำพิธีเข้าทรง ทราบว่า เจ้าปู่ที่ศาลต้นมันปลา คือ “เจ้าปู่จันทร์โสม” จึงสอบถามความต้องการ และสร้างศาลปู่จันทร์โสมขึ้นมา พร้อมกับทำรูปปั้นของปู่จันทร์โสม รวมถึงทหาร คนรับใช้บริวารต่างๆ เพื่อเป็นการแก้เคล็ด
พร้อมกับนำเอาผ้า 7 สีมาพันต้นมันปลาเอาไว้ ทำพิธีกราบไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอให้ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าปู่จันทร์โสมช่วยคุ้มครองดูแลประชาชนชาวอำเภอขุนหาญ ไม่ให้มีเหตุเภทภัยต่างๆเกิดขึ้น
ฟากฝั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองก็ได้นำเอาเครื่องสัญญาณจราจรมาติดตั้งรอบบริเวณเอาไว้ติดตั้งไฟส่องสว่างที่โคนต้นมันปลา เตือนประชาชนที่ผ่านไปมาได้ทราบว่ามีศาลอยู่กลางถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุด้วย
ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก...หลังจากทำพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่ศาลแห่งนี้มานานแล้ว ทำให้ศาลปู่จันทร์โสมเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนชาว อ.ขุนหาญ เป็นอย่างยิ่ง
บ่อยครั้งจะมีชาวบ้านเข้ามาประกอบพิธีเซ่นไหว้ กราบสักการะพ่อปู่ แต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้าไปแตะต้องเคลื่อนย้ายข้าวของต่างๆในศาลปู่จันทร์โสมออกไปจากบริเวณนี้ เช่น สิ่งของมีค่า เงินทอง ที่มีการนำมาเซ่นไหว้ เพราะหากใครนำออกไป จะเกิดเหตุเภทภัย ต้องนำกลับมาคืนทุกรายไปนั่นเอง
เรื่องราวอาถรรพณ์ทั้งหมดเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หาก...“ปู่จันทร์โสม” อนุญาต โดยเฉพาะท่านจะให้คนจนที่มักเข้ามาขอเครื่องเซ่นไหว้ เลี้ยงปากท้อง เลี้ยงครอบครัว ยังมีเรื่องเล่าอีกว่าท่านเห็นชาวบ้านอาศัยแถบนั้น ไม่มีอะไรกินจึงไปเข้าฝันให้เข้ามารับสิ่งของเซ่นไหว้ด้วย...ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าปู่ท่านมีเมตตา คอยปกป้องคุ้มภัย
จึงไม่แปลกใจเลยว่า...คนขุนหาญมักเข้ามากราบไหว้ขอพรสักการะเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ ทั้งด้านการงาน การเจรจา หรือ...แม้แต่ขอให้สอบผ่านในหลายๆสนาม ทั้งตำรวจ ทหาร รวมถึงสนามสอบข้าราชการท้องถิ่น และหลายๆคนไม่น้อยก็ประสบความสำเร็จสมหวังต้องนำสิ่งของมาแก้บนในสิ่งที่ขอไว้
ล่าสุดครอบครัวอดีตนายตำรวจ สภ.ขุนหาญ ที่มีความศรัทธาปู่จันทร์โสมและครอบครัว ก็ทำพิธีบวงสรวงไหว้เสริมสิริมงคลในวันที่ 29 มี.ค.ตามความเชื่อความศรัทธา ด้วยเพราะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ในงวดวันที่ 1 ก.พ.2562 และงวดวันที่ 16 ก.พ.2562 รวมเป็นเงิน 24 ล้านบาท!
...
ยิ่ง...ทำให้ผู้คนที่เชื่ออยู่แล้ว มีความเชื่อ ศรัทธา “ศาลปู่จันทร์โสม” เพิ่มมากยิ่งขึ้น
“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”.
รัก–ยม