“สังคมไทย” ตามแนวทาง “วิถีพุทธ” ความสัมพันธ์ระหว่าง “บ้าน-วัด-โรงเรียน” ยังคงมีความเชื่อมโยงแยกไม่ขาดจากกัน ต่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
ดังนั้น “วัด” นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาบ้านคือชุมชน และโรงเรียน สถานที่ ให้ความรู้แก่เยาวชนไปด้วย
“พระสงฆ์” จึงมีความสำคัญในการประสานศรัทธาของประชาชน สนับสนุนภาครัฐในการช่วยเหลือเกื้อกูลบรรเทาทุกข์ทั้งทางกายและจิตใจ
ใครทุกข์ร้อนพระสงฆ์จะเข้าไปมีส่วนร่วม เอาหลักธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า ประคับประคองจิตใจให้ก้าวพ้นภาวะความทุกข์ร้อนนั้นๆ ได้โดยไม่ยาก ถือเป็นที่พึ่งทางใจที่สำคัญ “วัด” และ “พระ” จึงมีความสำคัญสำหรับชุมชน
...
“วัดสว่างอารมณ์” ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นอีกวัดหนึ่ง ที่ทำนุบำรุงศาสนาตามระเบียบของมหาเถรสมาคม และส่งเสริมพัฒนาชุมชนรอบๆวัด รวมถึงนักเรียน โรงเรียน และวัดในถิ่นทุรกันดารจังหวัดต่างๆ อยู่ในสังคม “บ้าน-วัด-โรงเรียน” โดยแท้
ปัจจุบัน วัดสว่างอารมณ์ มี พระครูยติธรรมานุยุต หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “หลวงพ่อแป๊ะ” หรือ “หลวงพ่อรวย” เป็นเจ้าอาวาส ด้วยแรงศรัทธา การช่วยเหลือชุมชนและสังคมด้านต่างๆ ทำให้มีลูกศิษย์ให้ความศรัทธาทั่วประเทศ ทั้งพระและฆราวาส
ในอดีต วัดสว่างอารมณ์ เป็นวัดร้าง “หลวงพ่อเพี้ยน” อดีตเกจิชื่อดัง ในสมัยนั้นเป็นเจ้าอาวาส “หลวงพ่อแป๊ะ” เป็นสามเณรอยู่ที่วัดตุ๊กตา อ.นครชัยศรี จะออกธุดงค์แสวงหาความรู้ไปตามสถานที่ต่างๆศึกษาเล่าเรียนวิชาจากเจ้าอาวาส ชื่อดังหลายรูป ธุดงค์ไปทั่วประเทศนานหลายปี และกลับไปบวชเป็นพระที่วัดตุ๊กตาอีกครั้ง
“หลวงพ่อเพี้ยน” ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลขุนแก้ว เห็นว่าวัดร้างแห่งนี้น่าจะมีพระสงฆ์เข้าไปอยู่ถาวร จึงมอบหมายให้ “หลวงพ่อแป๊ะ” ไปรักษาการเจ้าอาวาสวัด และเริ่มบูรณะให้เป็นวัดเปิด “หลวงพ่อแป๊ะ” ถือจอบถือเสียมขุดดินทำถนนเข้าวัดด้วยตนเอง ชาวบ้านเห็นจึงพากันมาช่วยกัน
...
“ช่วงนั้นวัดสว่างอารมณ์ ยังไม่มีถาวรวัตถุอะไรเลย มีเพียงกุฏิเก่าๆก่อด้วยอิฐ อาตมาชักชวนชาวบ้านช่วยกันบูรณะสร้างศาลา สร้างโบสถ์ และเมื่อชาวบ้านเห็นว่าอาตมาเป็นคนทำจริง จึงรวมตัวกันไปขอให้ทางจังหวัดแต่งตั้งให้อาตมาเป็นเจ้าอาวาส” หลวงพ่อแป๊ะ เล่าให้ฟัง
จากวันนั้นถึงวันนี้ การพัฒนาเป็นไปอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา โดย “หลวงพ่อแป๊ะ” ใช้แนวทางวิถีพุทธและหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แนะนำสั่งสอนคนที่มาทำบุญ ให้ “คิดดี ทำดี แล้วจะโชคดี” ไม่ให้เชื่อในเรื่องงมงาย
...
ที่น่าทึ่งคือ หนุ่มสาวเป็นแฟนกันทะเลาะกัน หรือสามีภรรยาทะเลาะกัน จะพากันมากราบ “หลวงพ่อ แป๊ะ” ให้สั่งสอน จากนั้นเคาะศีรษะให้ศีลให้พรรักกันมั่นคง ครอบครัวเป็นสุข บางคนขอพร “ขอให้ รวยๆ” ทำให้ “หลวงพ่อแป๊ะ” พูดติดปาก “ขอให้รวยๆ”
เมื่อมีลูกศิษย์ศรัทธามาทำบุญมากมีรายได้เข้าวัดมาก “หลวงพ่อแป๊ะ” แบ่งไว้บูรณะวัดส่วนหนึ่ง ที่เหลือช่วยเหลือสังคมผู้ยากไร้ ผู้ป่วยติดเตียง จัดหาทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ บริจาคเงินให้กับโรงพยาบาล ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ
...
รวมทั้งจัดงานปิดทองลูกนิมิต 9 วัด 99 ลูก มอบให้ 9 จังหวัดทุกปี ให้วัดในถิ่นห่างไกลทั่วประเทศ ช่วยเหลือวัดต่างๆไปแล้วกว่า 50 วัด จัดตั้งกล่องรับบริจาคทำบุญให้ด้วยชื่อของวัดไหนรับตู้บริจาคไปเลย
ภายใน วัดสว่างอารมณ์ ปัจจุบัน “หลวงพ่อแป๊ะ” ยังจัดให้พุทธศาสนิกชนได้ไหว้พระ ตามที่ลูกศิษย์ขอให้จัดไว้ที่วัด ไม่ต้องไปตระเวนไหว้กันตามวัด หรือสถานที่ต่างๆ มาวัดนี้มีครบ ประหยัดและปลอดภัยจากการเดินทาง
“อาตมาต้องการพัฒนาวัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะวัดอยู่ห่างจากถนนเพชรเกษมแค่ 2 กม. เช่น ปลูกต้นทานตะวันบนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ สร้างพิพิธภัณฑ์เรือโบราณ ทำสวนสุขภาพให้ประชาชนมาออกกำลังกายเนื้อที่ 9 ไร่ มีสวนดอกไม้ ดอกบัวแดง และเรือตังเกขนาดใหญ่ที่ปลดระวางแล้ว ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก” หลวงพ่อแป๊ะ เผยให้ฟัง
ที่ฮือฮาคือมีลูกศิษย์ไปวัดแล้วถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 ถึง 18 คนแล้ว ทั้งๆที่ “หลวงพ่อ แป๊ะ” ไม่เคยใบ้ตัวเลข เวลามีคนไปแก้บนจะเตือนสติ ไม่ให้หลงเชื่องมงาย คนมีโชคเป็นเรื่องของบุญวาสนา พร้อมเขียนป้ายเตือนใจติดตามที่ต่างๆเอาไว้
ในอนาคต “หลวงพ่อแป๊ะ” ยังมีโครงการจะสร้างสถานีอนามัย เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลใหญ่ เป็นการรักษาในเบื้องต้น หากอาการหนักจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาล แต่ต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือครบ มีพยาบาลประจำ เพื่อให้ครบวงจร
“หลวงพ่อแป๊ะ” ย้ำว่า สถานีอนามัยที่จะสร้าง ค่ารักษาจะต้องถูก หรือฟรีตามกรณี
ด้วยแรงศรัทธาและการช่วยเหลือสังคมมากมาย ลูกศิษย์จึงได้ขนานนามว่า “นักบุญแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี”...สาธุ!!!
ภุชงค์ ทิพยะวัฒน์