“วันนี้เอกซเรย์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑล แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ จับผู้ต้องหา 260 ราย ทั้งความผิดเกี่ยวกับการอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เป็นการจัดระเบียบหอพัก ห้องเช่า เกสต์เฮาส์ จะเห็นได้ชัดเจนว่ายังมีอาชญากรที่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวแฝงตัวเข้ามากระทำผิดในเมืองไทย อย่างผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่น 15 ราย เข้ามาอาศัยเป็นแหล่งพักโทรศัพท์กลับไปหลอกคนญี่ปุ่น เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ ความเสียหาย 40-50 ล้านบาท ซึ่งทางการญี่ปุ่นตามตัวมานานแล้ว ประสาน ตม.สืบสวนและจับกุมตัวได้ ต้องขอบคุณเจ้าของบ้านที่ไม่ได้หวังผลประโยชน์อย่างเดียว ยังรักประเทศไทย เห็นความผิดปกติของนักท่องเที่ยวแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ”

“จะเห็นว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดจากคนไทยไม่กล้าหลอกคนไทย เพราะปราบปรามอย่างจริงจัง แม้ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในโลกนี้จะยังไม่หมดไป แต่ตำรวจทำให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถหลอกลวงคนไทยในเมืองไทยได้อีก การทำงานของตำรวจทุกวันนี้ ความร่วมมือผ่านแดนเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด เจ้าของโรงแรม ห้องเช่า เกสต์เฮาส์ ต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจ ตม. ในการแจ้งข้อมูลคนที่พักอาศัย หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันเพื่อความสงบ ความมั่นคง ปลอดอาชญากรรมของประเทศ”

ตม.ไทยจับมือ ตร.ยุ่น ทลายแก๊งหลอกญี่ปุ่น

...

เป็นท่าทีของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. หลังนำกำลังตำรวจชุด ศปอส.ตร. พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พ.ต.ต.วิษณุ พงษ์พันธุ์อนุสรณ์ สว.กก.สส.บก.ตม.3 ปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มอาชญากรข้ามชาติใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งก่อคดีอาชญากรรม หลบซ่อนกบดาน ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย จับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ชาวญี่ปุ่นครั้งแรกในไทย เป็นเครือข่ายที่ทางการญี่ปุ่นต้องการตัว เฝ้าติดตามมานาน

ตม.ได้รับแจ้งจากเจ้าของบ้านเช่าว่า มีชาวญี่ปุ่นทำสัญญาเช่าบ้านตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ม.ค.2562 ในราคา 65,000 บาทต่อเดือน สัญญาเช่า 1 ปี มีชาวญี่ปุ่น 15 คนมาเช่า ไม่ทราบว่าทำงานหรือธุรกิจอะไร แต่ผู้ให้เช่าเห็นว่ามีความผิดปกติ ค่าน้ำค่าไฟสูง และชาวญี่ปุ่นไม่เคยออกไปไหน อยู่แต่ในบ้านเช่า ซึ่งน่าสงสัยผิดปกติมาก

ชาวบ้านสงสัยน่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามที่เคยเห็นเป็นข่าว แจ้งให้ ตม.ทราบเรื่อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เห็นว่า คล้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จับมาต่อเนื่อง เช่าบ้านหรู ติดตั้งสัญญาณอินเตอร์เน็ต ทำงานในบ้านเช่า ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์สูงมาก สั่งให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 สืบสวนรวบรวมหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดพัทยา ค้นบ้านเลขที่ 78/219 หมู่บ้านสยาม รอยัล วิว วิลเลจ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ตม.ไทยจับมือ ตร.ยุ่น ทลายแก๊งหลอกญี่ปุ่น

ผู้เช่าคือ นายโทโมอิ ชิมูรา ชาวญี่ปุ่น และคนต่างด้าวชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในบ้านเช่ารวม 15 คน ตรวจสอบพบว่า เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรด้วยประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว พบโต๊ะทำงานพร้อมอุปกรณ์สื่อสารโทรศัพท์แบบ IP Phone รวม 52 เครื่อง เปิดใช้งาน 19 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 19 เครื่อง เปิดใช้งาน 16 เครื่อง เครื่องขยายสัญญาณ 37 ตัว เปิดใช้งาน 25 ตัว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ได้ประสานงานกับทางการญี่ปุ่นเพื่อส่งข้อมูลการกระทำความผิดของผู้ต้องหา และเตรียมผลักดันส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่น

จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า กลุ่มของผู้ต้องหากับพวก 15 ราย เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ที่ทางการญี่ปุ่นต้องการตัว แก๊งนี้ทำผิดมานาน ย้ายถิ่นฐานกบดาน เปลี่ยนประเทศเป็นฐานในการกระทำผิดไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะมาเช่าบ้านในไทยใช้เป็นฐานในการหลอกลวงชาวญี่ปุ่น ผู้ต้องหาเคยไปเช่าบ้านที่ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์โทร.ไปหลอกลวงคนญี่ปุ่น แต่ไม่ถูกจับ จนย้ายฐานมาไทยได้ไม่นาน ก่อนถูกจับกุม

พฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาหลอกทำทีว่าเป็นพนักงานติดตามทวงหนี้ของบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น ปลอมใบแจ้งหนี้ของบริษัท และปลอมหมายศาลส่งอีเมลไปหาเหยื่อ สร้างความน่าเชื่อถือ ใช้โทรศัพท์ติดตามทวงหนี้ที่ไม่มีอยู่จริง หลอกให้ผู้เสียหายส่งรหัสบัตรเติมเงินซึ่งซื้อจากร้านสะดวกซื้อในประเทศญี่ปุ่นให้กลุ่มผู้ถูกจับ เบื้องต้นมีผู้เสียหายกว่า 500 คน มูลค่าความเสียหาย 100 ล้านเยน หรือประมาณ 40-50 ล้านบาท

อีกคดี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ได้รับประสานข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทยว่า มีคนร้ายสัญชาติญี่ปุ่นหนีหมายจับของทางการญี่ปุ่นแล้วเดินทางเข้ามาอาศัยในไทย ทางการญี่ปุ่นได้สืบสวนติดตามตัวคนร้ายตั้งแต่ปี 2556 ขอให้ไทยช่วยจับกุมตัว นายคาซึยะ ฮาชิโมโตะ อายุ 39 ปี ชาวญี่ปุ่น ได้ที่ซอยเอกมัย 5 ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”

...

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์สอบปากคำนายคาซึยะด้วยตนเอง ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลเมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น ในฐานความผิดฉ้อโกง ก่อเหตุเมื่อวันที่ 23 ก.ค.2556 โดยร่วมกับผู้ต้องหาอีก 6 ราย แต่ที่เหลือถูกจับกุมหมดแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น หลอกลวงผู้เสียหายหญิงชรา อายุ 75 ปี ที่จังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น นายคาซึยะทำหน้าที่โทรศัพท์ไปที่บ้านผู้เสียหายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และข่มขู่ว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้เสียหายมีธุรกรรมทางการเงินที่น่าสงสัยน่าจะผิดกฎหมาย จะต้องถูกตรวจสอบ

ตม.ไทยจับมือ ตร.ยุ่น ทลายแก๊งหลอกญี่ปุ่น

แต่มีทางช่วยเหลือได้ แต่ต้องถอนเงินในบัญชีทั้งหมดเตรียมไว้และเจ้าหน้าที่ของสมาคมธนาคารจะรับเงินสดที่บ้านผู้เสียหายเพื่อนำไปเข้าบัญชีพิเศษ ผู้ต้องหาไปที่บ้านของผู้เสียหายรับเงิน 8 ล้านเยน หรือประมาณ 2.4 ล้านบาทแล้วหลบหนีไป ต่อมากลุ่มผู้ต้องหาถูกออกหมายจับ และมีประวัติเคยหลอกลวงผู้เสียหายกว่า 4 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 8 ล้านบาท ตำรวจจับกุมและเตรียมส่งตัวผลักดันกลับไปให้ทางการญี่ปุ่น

การจับกุมชาวญี่ปุ่น 15 ราย ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงชาวญี่ปุ่น และผู้ต้องหาหมายจับคอลเซ็นเตอร์ของญี่ปุ่น เป็นการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหญ่ที่ทางการญี่ปุ่นต้องการตัวครั้งแรกในไทย พัวพันแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่น เป็นคดีที่ ผบ.ตร.ญี่ปุ่นชื่นชม ตม.ไทยอย่างมาก

...

ส่งสัญญาณเตือนอาชญากรรมที่จะแฝงมาในคราบนักท่องเที่ยว ไม่กล้ามาใช้ไทยเป็นฐานกระทำผิด หรือเป็นแหล่งกบดานอีก ยกระดับมาตรฐานการทำงาน ตม.ไทย เป็นที่ยอมรับของตำรวจทั่วโลก หากมีชาวต่างชาติหลบหนีมาไทย ตำรวจทุกที่พร้อมประสานงานตำรวจไทย เป็น ตม.ในยุค ตำรวจหนึ่งเดียวทั่วโลก และ ตม.ยุคนี้ยังได้รับความร่วมมือจากประชาชนแจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุมแก๊งอาชญากรข้ามชาติ

คนร้ายที่คิดมากบดานหรือก่อคดีในไทยในคราบนักท่องเที่ยวทำได้ไม่ง่ายเหมือนเดิม.

ทีมข่าวอาชญากรรม