ในโลกนี้มีของกินหลายอย่างที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันมาก ถ้าเผลอกินเข้าไปผิดฝา ผิดตัว ชีวิตนี้มีเดิมพันความตาย...รออยู่ที่ปลายลิ้น!!

วันก่อนในหน้าเฟซบุ๊ก “ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว” ได้นำเอาโพสต์หนึ่งมาแชร์ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตชวนรู้ เป็นโพสต์ของผู้ซึ่งใช้นามว่า Phuwarin Songkaew เล่าถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับเขา หวังจะให้ทุกคนระมัดระวังอาหารใกล้ตัวที่รับประทานเข้าไป โดยเจ้าของเฟซผู้นี้เล่าว่า

“เมื่อวานตอนเช้าคุณย่าศรีได้ไปซื้อกับข้าวจากร้านข้าวแกงแถวบ้าน หนึ่งในอาหารที่ซื้อมาเป็นแกงส้มปลาใส่ผักรวม พอย่าศรีแกะเเกงใส่ถ้วย ผมก็ตักแกงส้มมาชิม แต่ก่อนชิมก็บอกย่าศรีว่าระวังให้ดีพวกแกงส้มที่เค้าใส่ “โชน” มา บางที่เค้าไม่ได้ทำโชนเอง อาจจะซื้อมาจากตลาด หรือบางที่อาจจะมีพืชอันตรายในตระกูลเดียวกับโชน เช่น บอนโหราปะปนอยู่ ซึ่งพิษของมันอันตรายมาก

พอพูดขาดคำเท่านั้น “...ผมก็พลาดเข้าจนได้” เจ้าตัวเริ่มเล่าต่ออย่างออกรส

หลังจากตักเข้าปากคำแรก เขาว่า เหมือนถูกน้ำร้อนเทเข้าไปในกระพุ้งแก้ม มันแสบร้อนมาก ด้วยความไม่รู้เขาจึงรีบบ้วนปากด้วยน้ำเย็น แล้วดื่มน้ำตาม

แต่แล้วมันกลับยิ่งเร่งให้พิษกระจายเข้าสู่ลำคอ จนหลอดลมของเขาตีบ เขาจึงตะโกนเรียกภรรยาให้หายาแก้แพ้มาให้ทาน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงรีบขับรถไปโรงพยาบาล คุณหมอเห็นว่าแพ้หนัก ฉีดยาแก้แพ้ให้เขา 4 เข็ม ยาแก้อักเสบอีก 4 เข็ม ยาชาชนิดน้ำอีก 1 ขวด ให้น้ำเกลือทางสายยางอีก 4 ถุง และให้บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ

...

ระหว่างนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เจ้าตัวเล่าว่า “...ยังไม่รู้ว่าคุณหมอจะอนุญาตให้กลับบ้านได้วันไหน ตอนนี้คิดถึงงานที่ติดค้างไว้มาก ขอบคุณภรรยาแสนดีที่คอยดูแลอยู่ข้างๆเสมอ...สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่า อย่าได้เจอกันอีกเลย แกงส้มพิษ ร้ายเท่ากับพิษงูเห่าเลยครับ”

เหตุการณ์ทำนองนี้มิได้เกิดขึ้นกับเจ้าของเฟซบุ๊กรายนี้เท่านั้น แต่ยังเกิดกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอีกหลายราย เช่น กรณีของผู้ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า Kate Ratchada

“เราเคยกินเข้าไปเหมือนกันค่ะ แต่กรณีของเราแม่เป็นคนปลูกเองหลายต้น ซึ่งคาดว่าตอนเอามาปลูกมันคงจะแอบปะปนติดมาด้วย เพราะต้นคล้ายๆกัน...” เธอหมายถึง “โชน” กับ “โหรา”

เธอเล่าว่า หลังทานแกงส้มโหราเข้าไป...มันเหมือนกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มอยู่ในปากและคอเรา กินน้ำ บ้วนน้ำก็ไม่หาย จนต้องไปโรงพยาบาล หมอให้ยาชาพ่นในปาก ในคอ และให้ทานยาแก้แพ้ อาการจึงดีขึ้น ถือว่าโชคดีที่เรากินเป็นคนแรก ถ้าแม่กินเนื้อโหราเข้าไปก่อนคงแย่กว่าเรา...

เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจาก “แกงส้มพิษ” อีกราย เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กผู้ใช้นามว่า พิกกี้ แรบบิท รายนี้แชร์ประสบการณ์ตรงที่เธอว่าจะจดจำไปจนวันตาย!!

“เมื่อวันที่ 28 ก.พ.62 เวลา 11 โมง ไปกินข้าวที่ร้านข้าวแกงร้านหนึ่ง เราสั่งแกงส้มปลาใส่ออดิบกับไก่ต้มขมิ้นมา (ภาคใต้บางคนเรียก ออดิบ บางคนเรียก โชน แต่ละภาคจะมีชื่อเรียกต่างกัน)”

“คำแรกเราตักออดิบ 1 ชิ้นในจานขึ้นมาเคี้ยวๆแล้วกลืน เริ่มมีความรู้สึกแปลกๆในปาก มันเริ่มแสบ เริ่มชาที่กระพุ้งแก้มเล็กๆ ตอนนั้นบอกเลยว่า งงมาก เพียงไม่กี่วินาทีความรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อน ก็เริ่มลามไปทุกอณูของปาก ความรู้สึกเหมือนมีเข็มเล็กๆจำนวนมาก ทิ่มอยู่ในปากไปจนถึงลำคอ”

เธอว่า ตอนนั้นตกใจมากคิดในใจว่า เรากินอะไรลงไปจะตายมั้ยเนี่ย ทำอะไรไม่ถูก แค่จะกลืนน้ำลายยังลำบากเลย แถมยังเริ่มแสบร้อนไปหมดทั้งคอ เธอจึงถามคนขายข้าวแกงว่า อันนี้คือแกงอะไรคะ ป้าใส่อะไรลงไปแล้วมันกินได้มั้ย?

ป้าคนขายข้าวแกงตอบเธอว่า “ก็แกงส้มใส่โชนทั่วไป ใครๆ เค้าทำกินกัน”...อ้าวแล้วทำไมเป็นแบบนี้ แล้วหนูต้องทำยังไง? คำตอบสุดท้ายที่เธอได้รับจากแม่ค้ารายนั้นก็คือ ไม่รู้

จบคำว่า “ไม่รู้” ของป้า เธอรีบบึ่งรถไปโรงพยาบาลทันที โดยนำชิ้นส่วนในแกงส้มที่หน้าตาคล้ายกับ “โชน” หรือ “ออดิบ” ห่อใส่กระดาษทิชชูไปด้วย หลังจากยื่นสิ่งที่อยู่ในห่อทิชชูให้พยาบาลดู พยาบาลเห็น รีบส่งตัวคนไข้รายนี้เป็นเคสฉุกเฉินไปพบแพทย์ทันที

เธอว่า ตอนที่พบคุณหมอแสบร้อนไปทั้งปากและคอ กลืน น้ำลายก็เจ็บ พูดก็เจ็บ จนสุดท้ายทราบว่า สิ่งที่เธอทานเข้าไป คือ “บอนโหรา” ไม่ใช่ “โชน” หรือ “ออดิบ”

เธอว่า จากนั้นคุณหมอให้ยาแก้ปวด ยาลดการอักเสบ แก้แพ้ และยายับยั้งการหลั่งกรด แนะนำให้ไปหาน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลมาประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มาใช้กลั้วปาก-คอ ก่อนกลืน ให้ทำแบบนี้ทุก 2-3 ชม. ประมาณ 2 วัน อาการจึงค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ

...

เจ้าของเฟซผู้แชร์ประสบการณ์ตรงรายนี้บอกว่า...บทเรียนที่เกิดขึ้นครั้งนี้ แค่กินไป 1 คำ ชีวิตเปลี่ยนจริงๆ หลังจากนี้เธอคงขอลาขาดยาวกับอะไรที่หน้าตาคล้ายออดิบ...

บทเรียนข้างต้นสอนให้รู้ว่า พืชที่ภาษาท้องถิ่นภาคใต้เรียกว่า โชน ออดิบ เอาะดิบ อ้อดิบ หรือออกดิบ ภาคกลางเรียกว่า คูน ภาคเหนือ เรียก กระดาดขาวหรือตูน เป็นบอนชนิดหนึ่งซึ่ง ทานได้ มีจุดเด่นให้สังเกต คือ ใบและต้นสีเขียวอ่อน ก้านและใบมีแป้งขาวนวลเกาะ ชาวบ้านจะปลูกไว้ตามริมรั้ว หรือข้างบ้าน ชอบขึ้นบริเวณที่มีน้ำแฉะ ทางภาคใต้นิยมนำมารับประทานเป็นผักเหนาะ ใช้ทำแกงคั่วใส่กะทิ หรือไม่ก็แกงส้ม

ส่วนที่นิยมนำมาทำอาหารคือ ยอดอ่อนและก้านใบที่อวบอ้วนเต็มที่ เอามาลอกเปลือกเขียวที่หุ้มออก ถ้าตัดมาสดๆจากต้น แล้วรับประทานทันทีจะหวานกรอบอร่อย หรือนำไปแช่น้ำแข็งเย็นๆเป็นผักสดรับประทานกับน้ำพริกกะปิ ส้มตำรสจัด ลาบ หรือยำก็ยิ่งอร่อย

แต่พืชอีกชนิดที่มีลักษณะคล้ายกันมาก ยางมีอันตราย กินไม่ได้ ภาษาท้องถิ่นภาคใต้เรียกว่า บอนโหรา ลาโบะ หรือเอาะลาย ภาคกลางเรียกว่า กระดาดดา ภาคเหนือเรียก บึมปื้อ ถ้าใครเผลอกินเข้าไป สภาพแทบไม่ต่างกับนำพิษงูเห่าเข้าปาก!!!

ลักษณะของ “บอนโหรา” ใบและก้านจะมีสีเขียวเข้มเป็นมัน มีสารพิษ : Calcium Oxalate ลักษณะผลึกเป็นรูปเข็ม ไม่ละลายน้ำส่วนที่มีผลึกมาก คือ ส่วนที่เป็นน้ำยางใสจากทุกส่วนของต้น

ถ้าเผลอรับประทานเข้าไปจะเกิดการระคายเคืองรุนแรงต่อเยื่อเมือกในปากและลำคอ ทางเดินอาหารอักเสบ คันปาก คันคอ แสบร้อน เพดานปากบวมพองเป็นตุ่มน้ำใส อาการอาจรุนแรงจนกระทั่งกลืนอาหารไม่ได้ พูดลำบาก ไม่มีเสียง และอาจทำให้หายใจลำบาก...

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากสัมผัสน้ำยาง แนะนำให้ล้างออกโดยใช้น้ำสบู่ชะล้างหลายๆครั้ง หากน้ำยางเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง อาจหยอดตาด้วยยาหยอดตาที่มีสเตียรอยด์ ก่อนนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

...

บางกระแส แนะนำให้บ้วนปากด้วยน้ำมะพร้าว หรือให้ดื่มน้ำส้มสายชูหมักของฝรั่งสักสองสามช้อนโต๊ะ (ไม่ใช่น้ำส้มสายชูกลั่นแบบไทย) เพราะความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูหมักแบบฝรั่ง เช่น น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลจะลดการระคายเคืองจากผลึกรูปเข็มแหลมเล็กของโหรา ที่กระจายอยู่ตามคอ และหลอดอาหาร.