สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีแฟนเพจนำปัญหาข้อกฎหมายมาปรึกษาในเพจทนายเจมส์ lk เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีมีคนร้ายแอบใช้เครื่องซักผ้า โดยใช้กระแสไฟฟ้าของบ้านผู้เสียหาย การกระทำดังกล่าวของคนร้าย จะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หรือลักกระแสไฟฟ้า ตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว มีปัญหาที่ต้องถกเถียงกันเกี่ยวกับข้อกฎหมายว่า กระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นวัตถุที่ไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้น กระแสไฟฟ้าจะเป็นทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 ทรัพย์สิน หมายความรวมทั้งทรัพย์และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้
เมื่อพิจารณาจากหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่ากระแสไฟฟ้า แม้เป็นจะทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่าง และมองไม่เห็น แต่ก็อาจจะมีราคาและอาจถือเอาได้ ดังนั้น กระแสไฟฟ้าจึงเป็นทรัพย์สิน ตามความหมายในมาตรา 138 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ประกอบกับมีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 877 / 2501 การลักกระแสไฟฟ้า ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 หรือ 335 แล้วแต่กรณี (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/ 2501)
ดังนั้น การแอบใช้กระแสไฟฟ้าของบ้านคนอื่นก็ถือเป็นความผิดทางอาญาในข้อหาลักทรัพย์ได้ แต่จะมีความผิดในข้อหาลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 หรือจะต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา 335 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไปครับ
...
มีเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งที่มักพบจะเห็นกันได้บ่อยๆ คือ การใช้อุปกรณ์ในการทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าทำงานช้าลง หรือทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าทำงานผิดปกติ ทำให้ผลการวัดการใช้กระแสไฟฟ้านั้น ลดลงกว่าความเป็นจริง เช่น จากเดิมจ่ายค่าไฟฟ้าอยู่เดือนละ 3,000 บาท เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวแล้ว จะทำให้ชำระค่าไฟฟ้าลดลงเหลือเดือนละ 2,000 บาท เป็นต้น
กรณีเช่นนี้ หากเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง ตรวจพบการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าทำงานช้าลง ก็จะมีความผิดในข้อหาลักทรัพย์ได้ ตามหลักกฎหมายที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ส่วนใหญ่เท่าที่ค้นพบข้อมูลอุปกรณ์ที่อ้างว่าสามารถทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าทำงานช้าลงได้ หรืออุปกรณ์ประหยัดไฟนั้น จะเป็นการหลอกลวงนะครับ อย่างไรก็ตามการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า ด้วยการปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน จะเป็นวิธีการลดการใช้กระแสไฟฟ้า และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีที่สุดครับ ตลอดจนเป็นการสร้างวินัยให้กับตนเองและบุตรหลานได้อีกทางหนึ่งครับ
สำหรับผู้ที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com หรือ Facebook : ทนายเจมส์ LK ได้เลย