นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรม ส่งเสริมการเกษตร เผยว่า ด้วยพันธุ์พืชเป็นเรื่องสำคัญ เป็นการลงทุนเบื้องต้น หากเกษตรกรได้พันธุ์ไม่ดีคุณภาพแย่ ทำให้ต้นทุนสูงผลผลิตไม่ตรงตามเป้า วันนี้เกษตรกรบางรายถูกหลอกขายเมล็ดพันธุ์ กว่าจะรู้ว่าได้เมล็ดพันธุ์ไม่ดีต่อเมื่อได้เวลาเก็บเกี่ยว เสียทั้งเวลา เสียทั้งโอกาสในการทำรายได้ ยังต้องสูญเงินค่าปรับพื้นที่ ปุ๋ย ค่าแรงอีกต่างหาก อย่าง เกษตรกรทำไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมล็ดพันธุ์ราคา 180 บาทต่อ กก. พื้นที่ 1 ไร่ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ 3-5 กก. สูญค่าจัดซื้อเมล็ดพันธุ์เกือบพันบาท ยังไม่รวมค่าแรง ค่าไถ และค่าปุ๋ยอีกกว่าพันบาท
“รัฐบาลจึงมีนโยบายให้กองขยายพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งมีศูนย์ขยายพันธุ์พืช 10 แห่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช ชลบุรี สุพรรณบุรี นครราชสีมา อุดรธานี บุรีรัมย์ มหาสารคาม ลำพูน และพิษณุโลก โดยใช้ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จ.เชียงราย ซึ่งขยายพันธุ์ทั้ง เมล็ดพันธุ์ ท่อนพันธุ์ เนื้อเยื่อ เป็นศูนย์ต้นแบบการให้บริการ วิธีนี้ทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงพันธุ์พืชที่มีราคาถูกลง นำไปสู่การลดต้นทุนได้ ซึ่งการขยายพันธุ์พืชของศูนย์ฯ แต่ละแห่งจะผลิตพันธุ์พืชตามความต้องการเกษตรกรแต่ละพื้นที่ เช่น จ.ตรัง เกษตรกรมีความต้องการพันธุ์พริกพื้นเมือง มะเขือ สะตอ กล้วย เป็นต้น”
...
สำหรับการขยายพันธุ์พืชนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร บอกว่า จะมีด้วยกัน 2 วิธี คือ การขยายพันธุ์แบบไม่ใช้เพศ ด้วยการตอนกิ่ง เสียบกิ่ง เสียบยอด ปักชำ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ วิธีนี้มีข้อดี คือ พืชไม่กลายพันธุ์ แต่ข้อเสียได้ในปริมาณจำนวนน้อย ไม่เหมือนการขยายพันธุ์ด้วยวิธีใช้เพศ หรือเมล็ดพันธุ์ ถึงจะได้ปริมาณมาก แต่มีข้อด้อยในเรื่องมีโอกาสกลายพันธุ์สูง
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การให้ศูนย์ขยายพันธุ์พืชทั้ง 10 แห่ง ทำหน้าที่ขยายและกระจายพันธุ์พืชสู่เกษตรกร นอกจากช่วยแก้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ที่จำหน่ายในท้องตลาดไม่ให้มีราคาสูงขึ้น คาดว่าอนาคตไทยจะเป็นผู้นำการผลิตและศูนย์กลางจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืช (seed hub) ได้อย่างแน่นอน.