มนุษย์รู้จักการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมายาวนาน แต่วันนี้ประวัติศาสตร์การเลี้ยงไหมที่มีกว่า 6,000 ปี มีอันต้องเปลี่ยนแปลง...

ด้วยกรรมวิธีการเลี้ยงแบบใหม่ ไม่เคยมีมาก่อนในโลก ด้วยฝีมือ รศ.ดร.มาโนชญ์ สุธีรวัฒนานนท์ สาขาเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

“กว่า 10 ปี ในการศึกษาวิจัยสารออกฤทธิ์จากไหม พบไหมไทยมีสารออกฤทธิ์หลายชนิด มีคุณค่าสูงส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าไหมพันธุ์อื่น ทำให้เรานำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และผลการวิจัยนี้ ยังทำให้เกิดการเลี้ยงไหมด้วยนวัตกรรม เลี้ยงบนจ่อกงล้อทรงกระบอกไหม ไม่เบียดเบียนตัวไหม ทำให้ได้แผ่นใยไหมบริสุทธิ์ ไม่ต้องอบรัง ไม่ต้องต้ม ไม่ต้องสาวให้เสียเวลา ทำให้กรรมวิธีการเลี้ยงและสารสกัดจากไหมนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรนานาชาติระดับโลก และได้ตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ระดับโลกกว่า 10 ฉบับ”

ศิรินันท์ โรจนธรรม อดีตนักร้องคนดัง กรรมการผู้จัดการ บ.ซิ้ลค์ แอ็คทีฟ ผู้นำผลวิจัยนี้มาใช้ในการผลิตเครื่องสำอางด้วยสารสกัดจากใยไหมบริสุทธิ์ เล่าถึงที่มาก่อนจะถ่ายทอดสู่เกษตรกร

การเลี้ยงไหมแบบเดิมให้ใบหม่อนกิน 21 วัน เมื่อเข้าสู่ระยะพ่นใยไหม รออีก 3 วัน หนอนไหมพ่นใยคลุมตัวกลายเป็นดักแด้ แล้วต้องนำมาอบให้ดักแด้ตาย แล้วนำไปต้ม ผ่ารังต่อเพื่อเอาตัวดักแด้ออก ก่อนจะนำมาสาวเป็นเส้น รวมทุกขั้นตอนกินเวลานานราว 45 วัน

แต่การเลี้ยงด้วยวิธีใหม่...ใช้เวลาทั้งหมด 25 วัน

...

เริ่มด้วยการเลี้ยงไหมแบบเดิม 21 วัน จากนั้นนำมาวางไปบนจ่อกงล้อทรงกระบอก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ซม. ยาว 59 ซม. ที่สามารถหมุนได้ ระหว่างที่หนอนไต่คืบคลานปล่อยเส้นใย กงล้อจะหมุนไปเรื่อยตามแรงคืบคลานของหนอน ในเวลา 3 วัน จะได้ไหมแผ่นบริสุทธิ์ โดยไม่ทำร้ายตัวดักแด้แต่อย่างใด ด้วยความที่ไม่ต้องอบ ต้ม สาว วันที่ 4 เก็บแผ่นไหม ใช้แรงงานแค่คนเดียวก็เอาอยู่ ช่วยประหยัดต้นทุนได้ 30-40%

ที่สำคัญ...ได้ราคาดี

เดิมปลูกหม่อน 1 ไร่ เลี้ยงไหม 20,000 ตัว ได้เส้นไหม 2-2.5 กก. กก.ละ 1,000-1,200 บาท ขายดักแด้ 17-18 กก. กก.ละ 80-100 บาท รวมแล้วมีรายได้ครอปละ 3,000-3,500 บาท

แต่เลี้ยงแบบใหม่ได้ไหมเท่ากัน แต่ขายได้ราคาแพงกว่าเท่าตัว รับซื้อ กก.ละ 2,000 บาท และหนอนดักแด้ยังขายได้ราคาดีกว่า เพราะยังมีชีวิตไม่ผ่านการต้ม รสชาติดีกว่า เลยได้ กก.ละ 150-180 บาท ทำให้ได้ครอปละ 7,000-9,000 บาท

ศิรินันท์ บอกว่า การเลี้ยงไหมแบบเก่า ไหมจะพ่นใยออกมาเพื่อพันรอบคุ้มครองตัวเองตามสัญชาตญาณ เส้นไหมที่ได้มักจะทับกันถี่แน่นไม่เป็นระเบียบ ทำให้เสียเวลาสาวเส้นไหม และยังทำให้ตัวไหมคายสารต่างๆออกมาน้อย เพราะต้องคอยระวังตัว

แต่เลี้ยงแบบใหม่ อาศัยสัญชาตญาณไหมที่ชอบไต่ขึ้นที่สูงทวนแรงโน้มถ่วงโลก กงล้อจะหมุนไปเรื่อยๆ เส้นไหมจะเป็นระเบียบ และได้แผ่นไหมที่มีสารสำคัญมากขึ้น...สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-5912-0999.

กรวัฒน์ วีนิล