การเข้าจับกุมยาเสพติดจำนวนมากๆ เป็นความเสี่ยงอย่างสูงของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าปฏิบัติงาน เพราะคนร้ายเป็นนักค้ายารายใหญ่ มีประสบการณ์ มีอาวุธสงคราม พร้อมต่อสู้ยิงตำรวจทุกเมื่อ
ตำรวจชั้นผู้น้อยบอกว่า รัฐบาลเห็นปัญหาความเสี่ยง อยากตอบแทนคนทำงาน สร้างขวัญและกำลังให้เจ้าหน้าที่ จึงออกระเบียบ สนร.ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล คดียาเสพติดขึ้น แบ่งประเภทของเงินออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก คือ เงินสินบน จ่ายให้กับสายลับ ส่วนที่สอง คือ เงินรางวัล จ่ายให้กับผู้ปฏิบัติงาน
ระเบียบมีมานาน
แต่เกิดปัญหามาตลอด มีเสียงบ่นจากตำรวจชั้นผู้น้อยหลายคนถึงการแบ่งเงินรางวัลไม่เป็นธรรม ซึ่งตามระเบียบแล้ว เงินรางวัลหมายถึงเงินที่จ่ายให้พนักงานผู้สืบสวนหรือจับกุม
แต่มีนายบางคนเล่นแง่กฎหมาย อาศัยช่องว่างของระเบียบใส่ชื่อตัวเองเป็นผู้ร่วมจับกุม บางครั้งใส่มาตั้งแต่ระดับกองบัญชาการ กอง บังคับการ บางครั้งชื่อคนจับมีไม่ต่ำกว่า 2 หน้ากระดาษ ทั้งที่ความเป็นจริง คนที่เสี่ยงภัยมีเพียงไม่กี่คน
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เมื่อต้องตั้งเบิกเงินรางวัลให้ใส่ชื่อนายระดับสูงเป็นผู้รับมอบฉันทะ ขอรับเงินรางวัลแทนลูกน้อง
แต่ระเบียบการจ่ายเงินรางวัลมันไม่ใช่แค่จับกุมแล้วเบิกเงินรางวัลได้ทันที มีขั้นตอนทางธุรการ การเบิกจ่าย ยื่นหลักฐาน ซึ่งใช้ระยะเวลานาน บางครั้งยาวเป็นปี
แต่ตำรวจย้ายกันทุกปี นายผู้รับมอบฉันทะย้ายไปแล้ว แต่เงินรางวัลโอนเข้าบัญชีนายไปแล้ว
ลูกน้องไม่กล้าไปทวงถาม
อย่างนายบางคนที่เกิดเหตุไม่ไป ลงชื่อร่วมจับกุมไม่มี แต่พอ “เงินรางวัลออก” เรียกหัวหน้าชุดให้เบิกเงินรางวัลมามอบให้นายเป็นผู้จัดสรรปันส่วน อ้างต้องเอาไปดูแลผู้บังคับบัญชาระดับบน ลำพังเพียงแค่ 2 หน้ากระดาษที่ร่วมจับกันมาหารกันได้น้อยแล้ว ยังต้องมาแบ่งนายที่ขอทำหน้าที่จัดสรรอีก
...
เงินเหล่านี้แม้มันจะไม่เยอะ แต่มันคือขวัญและกำลังใจ ที่เขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำงานเพื่อประเทศชาติ เป็นเงินที่ลูกน้องหาได้มาโดยสุจริต อย่างน้อยเขาก็เอาไปดูแลครอบครัวได้
อยากฝากไปถึงผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นช่วยกันตรวจสอบว่า เม็ดเงินถึงผู้ปฏิบัติอย่างครบถ้วนหรือไม่ ถ้าจับยาแทบตาย แต่เงินรางวัลที่ได้เหมือน...ไอติมติดปลายไม้
ต่อไปกลายเป็นปัญหาใหญ่ ไม่มีคนอยากทำงาน.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th