เป็นคลิปโด่งดังชั่วข้ามคืน คดีที่นักดนตรีสาว “ฮาวา” หรือ น.ส.อรวี ชูชื่น โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่ถูกรถบรรทุกสิบล้อบุกชนท้าย ระหว่างที่ถูกตำรวจทางหลวงอยุธยา ที่อ้างปฏิบัติหน้าที่ โบกเรียกให้รถติดกะทันหัน
คราบเลือดและน้ำตาของนักร้องสาวเล่าเหตุการณ์หลังขับรถไปเล่นดนตรี อยู่ๆเห็นตำรวจทางหลวงเดินมากลางถนน ชี้มือโบกเรียกรถนักร้องสาวหรือรถบรรทุกสิบล้อคันหลังที่อยู่เลนขวาสุดให้หยุดอย่างกะทันหันภาพที่เห็นมีตำรวจ 2 คน ยืนโบกกันกลางถนน มีรถอยู่ข้างหน้าคันนึง รถนักร้องสาวเบรกทัน แต่รถบรรทุกสิบล้อที่ตามมาคันหลังเบรกไม่ทันชนท้ายรถของนักร้องสาว กระแทกรถยนต์คันหน้า
เป็นภาพที่ทำให้สงสัย
ภาพในคลิปที่มีตำรวจยืนกันอยู่ 2 คน กลางถนน เรียกบังคับรถให้จอดอย่างกะทันหัน ไม่มีกรวยยาง ป้ายสัญญาณไฟจุดตรวจ ตามรูปแบบ ที่เคยมีปัญหา จนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งห้ามทุกหน่วยตั้งด่านลอย ด่านที่ถูกต้องมีนายตำรวจเป็นผู้ควบคุมใกล้ชิด เพื่อป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์ของตำรวจ
เป็นคำถามของคนในสังคมในเรื่องการตั้งด่าน ยิ่งผู้บังคับบัญชาตำรวจทางหลวงชี้แจง ไม่ใช่ “ด่านลอย” เป็นไปตามแผนการตรวจ ตามหลักยุทธวิธี ตำรวจบอกทำถูกต้อง ทำตามกฎหมาย เป็นเรื่องที่ต้องชี้แจง
ยิ่งมาเจอคำพูดจาของตำรวจทางหลวงเหมือนไม่ใช่ความผิดตำรวจ บอกว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ อ้างไม่ได้โบกรถนักร้องสาว แต่คนขับหยุดเอง ซึ่งขัดแย้งกับภาพคลิปที่นักร้องสาวถ่ายไว้
ทำให้ยิ่งปลุกกระแสสังคม
ปกติคนในสังคมสงสัยพฤติกรรมตำรวจ การตั้งด่านลอยเป็นเรื่องที่เป็นปัญหามานานแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะเป็นด่านจริง ตำรวจคนที่สั่งเรียกตรวจกะทันหันแบบนั้นจะต้องรับผิดชอบ กลับกันถ้าเป็น “ด่านลอย” ต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่ตำรวจประทวน 2 คน นายตำรวจที่บอกว่าเป็นคนสั่งหรือออกแผนตรวจแบบนี้ ต้องมีส่วนร่วมกันรับผิดชอบ
...
วันนี้คนส่วนใหญ่ที่เห็นคลิปมีความรู้สึกเดียวกับคนที่บาดเจ็บ คงไม่สนใจว่าจะเป็น “ด่านลอย” หรือไม่ การออกมาโบกรถกะทันหัน ไม่ว่าจะเรียกรถบรรทุกหรือรถนักร้องสาว พอเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ตำรวจควรจะทำอะไรมากกว่านี้ ผู้เสียหายคงอยากฟังคำพูดว่า เสียใจ ขอโทษ มากกว่าจะบอกว่าไม่ใช่ “ด่านลอย”
ส่วนเรื่องรถบรรทุกจะวิ่งขวา ทำผิดกฎหมายก็ว่ากันไป คนไม่ติดใจ สิ่งที่ประชาชนค้างคาใจ ถ้าตำรวจทางหลวงไม่ออกไปโบกรถแบบนั้น จะเกิดอุบัติเหตุไหม และจะมั่นใจได้อย่างไรที่ว่า ยุทธวิธีที่ตำรวจทางหลวงชี้แจงมา จะไม่ทำให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
ถ้าไม่แก้ไข ประชาชนต้องเสี่ยงเกิดเหตุอีก.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th