ยอดอุบัติเหตุสังเวยปีใหม่ลดลงจากปีที่แล้วทั้งผู้เสียชีวิตบาดเจ็บ และจำนวนเกิดเหตุ โดยผู้เสียชีวิตเหลือ 423 ศพ จากเดิม 478 ศพ บาดเจ็บ 4,005 คน จากเดิม 4,128 คน ขณะที่โคราชครองแชมป์ตายมากที่สุด 17 ศพ ส่วนอุดรธานีครองแชมป์บาดเจ็บสูงสุดและ เกิดอุบัติเหตุสูงสุด สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุคือเมาแล้วขับ สำหรับการเดินทางกลับกรุงรถยังติดหนึบ โดยเฉพาะสาย (304) โคราช-พนมสารคาม สาวท้องแก่ไปโรงพยาบาลไม่ทันเพราะรถติดหนักต้องคลอดกลางทาง สุดท้ายทารกสิ้นใจอนาถ

สรุปยอด 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ตายเจ็บน้อยกว่าปีที่แล้วโดยเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 4 ม.ค. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย แถลงว่า ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 (ศปถ.) สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 3 ม.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เกิดอุบัติเหตุ 386 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 40 ศพ ผู้บาดเจ็บ 402 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ สูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 28.24 ขับรถเร็วเกินกำหนดและตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 25.91 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 77.83 รถปิกอัพร้อยละ 5.29 จังหวัดที่เกิด อุบัติเหตุสูงสุดคืออุดรธานี (19 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือนครปฐมกับอุบลราชธานี (4 ศพ) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคืออุดรธานี (21 คน)

...

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน (ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 60-3 ม.ค. 61) เกิดอุบัติเหตุ 3,841 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 423 ศพ ผู้บาดเจ็บ 4,005 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 7 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท นครนายก นราธิวาส น่าน ยะลา ระนอง และหนองบัวลำภู จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (139 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (17 ศพ) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (145 คน) สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 43.66 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 25.23 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.91 รถปิกอัพ 6.84

นายสุธี มากบุญ กล่าวว่าจากสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 พบว่าจำนวนอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่การเดินทางของประชาชนเพิ่มมากขึ้นแสดงให้เห็นว่ามาตรการลดอุบัติเหตุทางถนนที่ภาครัฐกำหนดมีประสิทธิภาพ ทั้งการจัดตั้งจุดตรวจ การเพิ่มความเข้มข้นของด่านชุมชน และการกวดขันวินัยจราจร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอุบัติเหตุ 7 วันอันตราย ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 เกิดอุบัติเหตุ 3,919 ครั้ง เสียชีวิต 478 ศพ และบาดเจ็บ 4,128 คน

ขณะที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. แถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ภาพรวมการดูแลความปลอดภัยประชาชนเป็นที่น่าพอใจ มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนและอาวุธสงครามได้กว่า 100 กระบอก ส่วนกรณีการยิงปืนขึ้นฟ้าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา จับกุมไปแล้ว 12 คดี แบ่งเป็นพื้นที่ บช.ภ.7 จำนวน 9 ราย บช. ภ.8 จำนวน 2 ราย และ บช.ภ.3 จำนวน 1 ราย ส่วนโครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชน ระหว่างวันที่ 25 ธ.ค.2560 ถึง 3 ม.ค. 2561 มีประชาชนเข้าร่วมโครงการกว่า 9,000 หลัง เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้วกว่า 2,000 หลัง โดยพื้นที่ บช.น.มีสถิติฝากบ้านไว้กับตำรวจมากที่สุด

จากเหตุจราจรติดขัดในการเดินทางกลับของประชาชนหลังฉลองปีใหม่ ส่งผลให้สาวท้องแก่คลอดไม่ทันทำให้ทารกเสียชีวิตอย่างน่าสะเทือนใจรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 3 ม.ค. หน่วยกู้ภัย สัจจะพุทธธรรมกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งจากนายภานุพงษ์ คมขำ อายุ 27 ปี ชาว อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีว่า น.ส.บังอร โคนจวง อายุ 34 ปี ภรรยาเจ็บท้องจะคลอดลูกในรถปิกอัพนิสสัน สีบรอนซ์ 4 ประตู ทะเบียน บพ 4940 ปราจีนบุรี ที่ตนเช่ามาจะไป รพ.กบินทร์บุรี แต่ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เนื่องจาก เนื่องจากการจราจรคับคั่งมีรถติดเป็นระยะทางยาว ขณะนี้จอดริมถนนสาย (304) นครราชสีมา-พนม-สารคาม บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. หมู่ 8 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี ขอให้หน่วยกู้ภัยประสานหน่วยกู้ชีพ รพ.กบินทร์บุรีมาช่วยทำคลอดให้ด้วย

ต่อมาหน่วยกู้ภัยสัจจะพุทธธรรมได้ประสานหน่วยกู้ชีพ รพ.กบินทร์บุรี ไปช่วยเหลือพบ น.ส.บังอร นั่งเบาะหน้ารถ น้ำคร่ำเดินแล้วและทารกกำลังโผล่ออกมาได้ครึ่งตัว จากการตรวจสอบพบว่าทารกไม่มีการตอบสนอง ขณะที่ น.ส.บังอรหมดลมเบ่ง หน่วยกู้ชีพได้พยายามปั๊มหัวใจทารกนานกว่า 20 นาที อาการยังไม่ดีขึ้นเลยตัดสินใจทำคลอดจนเด็กหลุดออกมาพบเป็นทารกเพศชาย รีบนำขึ้นรถกู้ชีพส่งโรงพยาบาลแต่ด้วยการจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาว หน่วยกู้ภัยสัจจะฯตัดสินใจเปิดไซเรนนำรถจอดขวางถนนเพื่อเปิดทางให้รถกู้ชีพนำทารกไปส่งให้แพทย์ที่ รพ.กบินทร์บุรี พอไปถึงทั้งแพทย์และพยาบาลเร่งปั๊มหัวใจหวังยื้อชีวิตทารกน้อย ในที่สุดแพทย์แจ้งกับนายภาณุพงษ์ว่าเด็กไม่ตอบสนอง ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ทำให้นายภาณุพงษ์ถึงกับสลดใจและยอมรับการสูญเสียลูกชายไป

หลังทำใจได้ นายภาณุพงษ์เปิดเผยว่า ช่วงเย็นภรรยาเจ็บท้องใกล้คลอด ได้พาภรรยาซ้อน จยย.ไปส่งที่ รพ.นาดี หวังให้แพทย์ตรวจและทำคลอด แต่หลังตรวจครรภ์แล้วแพทย์บอกว่า ไม่พบการเต้นหัวใจของทารก ประกอบกับอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ไม่เพียงพอ ต้องไปคลอดที่ รพ.กบินทร์บุรี แต่ไม่มีการส่งภรรยาไป รพ.กบินทร์บุรี ปล่อยให้นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานานและเริ่มเจ็บครรภ์มากขึ้น เลยพาภรรยาซ้อน จยย.กลับบ้านไปจ้างรถปิกอัพในหมู่บ้านพาไปทำคลอดที่ รพ.กบินทร์บุรี ระหว่างที่ประชาชนเดินทางกลับช่วงปีใหม่เป็นจำนวนมากทำให้การจราจรคับคั่งรถติดเป็นระยะทางยาว กระทั่งถึงหน้าปั๊ม ปตท. ภรรยาเจ็บท้องอย่างหนักและลูกโผล่ออกมาครึ่งตัวแล้วเลยตัดสินใจโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือหน่วยกู้ภัยแต่สุดท้ายไม่สามารถยื้อชีวิตลูกไว้ได้

...