สนองพระปรารภ “สมเด็จพระสังฆราช” มุ่งแก้ไขความเสื่อมให้ประจักษ์

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) โดยภายหลังการประชุม นายสมเกียรติ ธงศรี ผู้ตรวจราชการพศ. รักษาการ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ปฏิบัติหน้าที่โฆษก พศ. แถลงผลประชุม มส.ว่า มส.มีมติให้ พศ.แจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด พระสังฆาธิการ และพระอุปัชฌาย์ ให้เข้มงวดพระธรรมวินัย กฎ มส.รวมถึงเรื่องการคัดกรองคนเข้ามาบรรพชาอุปสมบท โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และให้มีผลโดยทันที พร้อมกันนี้ มส.ยังมีมติแต่งตั้งคณะทำงานร่างหลักเกณฑ์สำหรับบวชพระ โดยจะต้องมีการกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำว่าต้องบวชกี่วัน รวมถึงหลักสูตรที่จะต้องให้พระใหม่ได้ศึกษาระหว่างบวชด้วย ซึ่งคณะทำงานชุดดังกล่าวประกอบด้วยกรรมการ มส. 4 รูป คือ พระพรหมบัณฑิต พระพรหมมุนี พระ
พรหมดิลก และพระพรหมโมลี ดำเนินการร่างหลักสูตรให้เสร็จภายใน 20 วัน

นายสมเกียรติกล่าวต่อไปว่า การที่ มส.มีมติดังกล่าวสืบเนื่องการประชุม มส.วันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระปรารภในที่ประชุม มส.ว่า สมควรที่ มส.ต้องกำหนดวิธีดำเนินการให้พระภิกษุสามเณรประพฤติปฏิบัติตนให้มั่นคงในพระธรรมวินัย สมฐานะผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ให้คณะสงฆ์เป็นที่นับถือต่อสังคมไทย โดย มส.รับสนองพระปรารภ และออกเป็นมติดังกล่าวขึ้นมา กำหนดแนวปฏิบัติดังนี้ 1.ให้พระสังฆาธิการทบทวนปฏิบัติตามกฎ มส.ฉบับที่ 23 พ.ศ.2541 ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ กฎ มส.ฉบับที่ 24 พ.ศ.2541 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ และกฎ มส.ฉบับที่ 17 พ.ศ.2536 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ เพื่อแก้ไขความเสื่อมและปรับปรุงคุณภาพของพระสงฆ์ จะได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดรวดเร็วและยั่งยืน 2.ให้พระสังฆาธิการ และพระอุปัชฌาย์ เพิ่มความเข้มงวดกวดขัน ปกครอง ควบคุม สอดส่อง ดูแล อบรมพระภิกษุสามเณรในปกครองอย่างเคร่งครัด และเพิ่มความละเอียดถี่ถ้วนคัดกรองผู้ขอเข้าบรรพชาอุปสมบท 3.ให้พระสังฆาธิการและพระอุปัชฌาย์ กำหนดหลักเกณฑ์อบรมพระภิกษุในปกครองให้เป็นที่พึ่งทางใจ และทางสติปัญญาของประชาชน ทั้งบำเพ็ญกิจเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ทั้งนี้ หากพระสังฆาธิการไม่ปฏิบัติตาม เจ้าคณะผู้ปกครองสามารถพิจารณาโทษตามจริยาพระสังฆาธิการได้ทันที.

...