“กระเจี๊ยบจัดเป็นพืชในกลุ่มผสมพันธุ์แบบ cleistogamous reproduction มีเกสรตัวผู้ตัวเมียผสมตัวเองในดอกเดียวขณะที่ดอกยังไม่บาน ทำให้การผสมข้ามสายพันธุ์แทบเป็นไปไม่ได้ จึงขาดการพัฒนาสายพันธุ์จากนักปรับปรุงพันธุ์ ที่ผ่านมาเลยไม่มีกระเจี๊ยบสายพันธุ์ใหม่ๆออกมาเลย ปี 2551 เราจึงคิดทำสายพันธุ์ใหม่ โดยนำกระเจี๊ยบพันธุ์ซูดานที่มีแอนโทไซยานินหรือสารต้านมะเร็งค่อนข้างสูง มาผสมกับพันธุ์กลีบยาวที่แตกแขนงให้ผลผลิตดี เมื่อได้สายพันธุ์ผสมเก็บพัฒนาอีกกว่า 8 ปี จนพันธุ์นิ่ง ได้กระเจี๊ยบแดงกำแพงแสน 13 สายพันธุ์ใหม่ของโลก”
...
อุทัยวรรณ ด้วงเงิน นักวิจัยจากศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักเขตร้อน ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เผยถึง 13 สายพันธุ์ใหม่ ประกอบไปด้วย พันธุ์ม่วงจัมโบ้, ม่วงจัมโบ้กลีบบาน, ม่วงจัมโบ้กลีบหุบ, HA กลีบหุบ, HA กลีบบาน, แดงจัมโบ้, แดงจัมโบ้กลีบบาน, แดงจัมโบ้กลีบหุบ, ชมพูจัมโบ้, ชมพูจัมโบ้กลีบบาน, ชมพูจัมโบ้กลีบหุบ, ขาวจัมโบ้ และขาวอมชมพูกลีบบาน
ลักษณะเด่นของทุกพันธุ์...มีกลีบดอกใหญ่ ผลผลิตต่อไร่สูงกว่ากระเจี๊ยบพันธุ์ดั้งเดิม (กระเจี๊ยบเดิมไร่ละ 1.5-2 ตัน พันธุ์ใหม่ 1.5-2.5 ตัน) สีกลีบเลี้ยงสวยงามหลากหลาย ทั้งม่วง แดง เขียว ชมพู และขาว ทำให้มีโอกาสจะกลายเป็นดอกไม้ขึ้นแจกันประดับชนิดใหม่ได้
แต่ในแง่คุณค่าทางโภชนาการ กระเจี๊ยบสีม่วงมีแอนโทไซยานินสูงกว่ากลีบเลี้ยงสีอื่นๆ โดยเฉพาะพันธุ์ HA กลีบหุบ (High Anthocyanin) มีแอนโทไซยานินสูงที่สุด 271 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักดอก 100 กรัม...ขณะที่กระเจี๊ยบพันธุ์ซูดานมีแอน- โทไซยานิน 149 มิลลิกรัม จึงเหมาะกับอุตสาหกรรมยานำไปสกัดสารในดอก
ส่วนเทคนิคการปลูก อุทัยวรรณ บอก...ฤดูปลูกที่เหมาะสม ก.ค.-ส.ค. แต่ปลูกในฤดูฝน ต้นอาจหักล้มหรือเป็นโรคโคนเน่าได้ แต่ถ้าปลูกหลัง ส.ค. ถือว่าช้าไป จะให้ผลผลิตต่ำ การปลูกควรทำแถวยกร่องห่างกัน 50-70 ซม. หยอดหลุม หลุมละ 3-4 เมล็ด เมื่อเมล็ดงอกให้ถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออกให้เหลือ 1-2 ต้น ไม่ควรปลูกแน่นเกินไป เพราะแย่งอาหารกัน และเกิดโรคโคนเน่า
...
การดูแลรักษา...ในช่วง 1-2 เดือนแรก ถ้าไม่มีฝนตกควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและกำจัดวัชพืช ส่วนการให้ปุ๋ยให้แค่ 2 ครั้ง เมื่อปลูกได้ 20-25 วัน และ 50-60 วัน ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ไร่ละ 25 กก. เรื่องแมลงศัตรูพืชไม่ต้องกังวล มีน้อยมาก ปลูกไปได้ 60-70 วัน กระเจี๊ยบจะเริ่มให้ดอก ปลูกได้ 100-120 วัน เริ่มเก็บเกี่ยวได้
การเก็บเกี่ยว...ให้ตัดเฉพาะฝักกลีบเลี้ยงที่โตเต็มที่ ยังเป็นสีเขียว ไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจะได้ปริมาณสารแอนโทไซยานินและกรดอินทรีย์ต่างๆ ในปริมาณสูงสุด สนใจติดต่อได้ที่ 08-1936-9260.
กรวัฒน์ วีนิล