นายเอ็มมานูเอล มาครง ผู้สมัครหัวสายกลางและสนับสนุนสหภาพยุโรป (อียู) วัย 39 ปี และนางมารีน เลอ เปน ผู้สมัครสายขวาจัด ต่อต้านอียูและผู้อพยพ วัย 48 ปี เปิดศึกประจันหน้าดีเบตประชันวิสัยทัศน์ออกโทรทัศน์ เมื่อช่วงคืนวันที่ 3 พ.ค. ตามวันเวลาท้องถิ่น ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบสองชี้ขาดใน 7 พ.ค.นี้ เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงโค้งสุดท้ายอย่างดุเดือด เพราะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีก 18% ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร

ผู้สมัครทั้งสองคนที่ชูนโยบายและแนวทางการเมืองตรงข้ามกันสุดขั้ว กล่าวโจมตีและแสดงจุดยืนนโยบายของตนเองอย่างออกรส เน้นที่ 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย การก่อการร้าย เศรษฐกิจและสหภาพยุโรป (อียู) นายมาครงที่มีคะแนนนิยมนำนางเลอ เปน อยู่ไม่ห่าง ระบุว่า ยุทธศาสตร์ของเลอ เปน เป็นการโกหก มีวาระซ่อนเร้นเพื่อขึ้นภาษีและกู้ยืมอย่างหนักเพื่อใช้สนับสนุนนโยบายชาตินิยม ส่วนเลอ เปน เรียกนายมาครงว่าเป็นผู้สมัครของพวกอภิสิทธิ์ชน (elite) และเป็นกลอยใจของระบบที่ไร้ยางอาย และสนับสนุนระบบโลกาภิวัตน์ที่ไร้การควบคุมและจะขายทรัพย์สินของรัฐให้ผู้ประมูลราคาสูงสุด

ประเด็นก่อการร้าย นางเลอ เปน กล่าวหาคู่แข่งว่ามีท่าทีผ่อนปรนต่อพวกมุสลิมสุดโต่งและต่อต้านมาตรการต่อสู้พวกมุสลิมหัวรุนแรง ส่วนมาครงโต้คืนด้วยการยืนยันว่าจะไม่ประนีประนอมในการต่อสู้ผู้ก่อการร้าย และว่าสิ่งที่เลอ เปน เสนอจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง เป็นสิ่งที่ผู้ก่อการร้ายต้องการเพราะเลอ เปน ใช้วาทกรรมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและยุยงให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

ขณะที่เรื่องอียู เลอ เปน ระบุว่า หากมาครงเป็นประธานาธิบดี จะยอมให้ฝรั่งเศสถูกเยอรมนีบดขยี้ ฝรั่งเศสจะถูกนำโดยผู้หญิง ไม่ว่าตัวเธอเอง หรือนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี นางเลอ เปน ยังจะเสนอให้ทำประชามติตัดสินอนาคตฝรั่งเศสกับอียูและนำเงินฟรังก์ สกุลเงินเดิมกลับมาใช้อีกรอบ เพราะยูโรเป็นสกุลเงินของนายธนาคารไม่ใช่ของประชาชน ส่วนมาครงระบุว่า เงินยูโรมีความสำคัญและไม่ใช่แค่นโยบาย

...

ทั้งนี้ หลังการดีเบตสิ้นสุดลง สถานีโทรทัศน์บีเอฟเอ็มทีวีของฝรั่งเศส ได้สำรวจความคิดเห็นผู้ชมทางบ้านจำนวน 1,314 คน อายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งได้ติดตามตลอดการดีเบต พบว่าส่วนใหญ่ชื่นชอบมุมมองและนโยบายของนายมาครงมากกว่านางเลอ เปนในเกือบทุกประเด็น.