อาหารที่คุณรับประทานในชีวิตประจำวัน บางทีคุณอาจไม่คิดว่า มันมีอันตรายร้ายแรงขนาดปลิดชีพคุณได้ เพราะสามารถหาซื้อทานได้ตามท้องตลาดทั่วไป วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จึงรวบรวมผลการศึกษาวิจัยจาก สถาบันกุมารเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับอาหารที่เป็นภัยต่อร่างกายมากที่สุด และอาจร้ายแรงถึงชีวิต จำนวน 10 ชนิด ดังต่อไปนี้...
อันดับ 10 : "เห็ด"
อาจเป็นที่น่ากังขา ว่าเห็ดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จริงหรือไม่ นอกจากทำให้เกิดอาการทางประสาท หรือประสาทหลอน แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ "ใช่" เห็ดสามารถปลิดชีพได้ เช่นเห็ดระโงกหิน (Death Cap) และ เห็ดไข่เป็ด (Destroying Angel) ที่มีพิษร้ายแรง แม้จะมีข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า เสียชีวิตเพราะทานเห็ด แต่ทุกวันนี้ยังคงมีคนนิยมเก็บเห็ดตามป่ามาปรุงอาหาร โดยไม่ทราบว่า มีพิษหรือไม่ ดังนั้นการเลี่ยงรับประทานเห็ดที่หน้าตาไม่คุ้นชิน หรือไม่รู้จักจึงปลอดภัยที่สุด
อันดับ 9 : "กาแฟ"
...
นอกเหนือจาก ความเป็นไปได้ของอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หรือใจสั่น ปัญหาด้านการนอนหลับ และปัญหาฟันเหลือง จากการดื่มกาแฟเป็นประจำสม่ำเสมอ กาแฟยังสร้างปัญหาต่อร่างกายได้ เมื่อความร้อนเกินมาตรฐาน โดยกาแฟสามารถกร่อนผิวหนังได้เป็นอย่างดี อาจดูเหมือนเรื่องตลก ตัวอย่าเกิดขึ้นเมื่อปี 1992 ที่ร้านฟาสฟู้ดชื่อดัง McDonald เมื่อคุณยายวัย 79 ปี ดื่มกาแฟความร้อนจัดราว 170 องศา ทำให้ทวารของคุณยายถูกทำลาย จึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เป็นมูลค่า 2.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับแต่นั้นเป็นต้นมา McDonald จึงมีมาตรการจำกัดอุณหภูมิของกาแฟไม่ให้สูงเกินความเหมาะสม
อันดับ 8 : "มันสำปะหลัง"
มันสำปะหลัง มักถูกนำมาผลิตในอาหารหลากหลายรูปแบบ แต่พืชชนิดนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรง หากมีวิธีและขั้นตอนการเตรียมที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ในมันสำปะหลังยังมีสารไซยาไนด์แฝงอยู่ ซึ่งหากได้รับในปริมาณมากอาจส่งผลถึงชีวิตเช่นกัน อย่างไรก็ดี ขนมที่ทำจากมันสำปะหลัง และได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือ พุดดิ้ง กระทั่งกลุ่มมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐฯ ออกโรงเตือนประชาชนที่อ่อนไหวง่ายต่อยางของพืช ให้เลี่ยงไปรับประทานของทานเล่นประเภทอื่นแทน
อันดับ 7 : "ทูน่า"
แทบไม่คาดคิดเมื่อปลาตัวเล็กตัวน้อยจำพวกทูน่า อาหารยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งในสังคมปัจจุบัน จะถูกประกาศเป็นอาหารสุดยอดอันตราย ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเตือนสตรีมีครรภ์ และเด็ก ให้หลีกเลี่ยง หรือรับประทานในปริมาณแต่น้อย เนื่องจากทูน่า คือปลาตัวเล็กหลากหลายสายพันธุ์ และมีปริมาณสารปรอทสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการคลอดบุตรสำหรับคุณแม่มีครรภ์ และอาจทำลายระบบประสาทสำหรับเด็กที่กำลังมีพัฒนาการ
อันดับ 6 : "รูบาร์บ"
...
แม้จะมีงานวิจัยเผยว่า รูบาร์บช่วยต้านมะเร็งได้ แต่จากประวัติศาสตร์การแพทย์ระบุว่า ใบขนาดใหญ่ของรูบาร์บนั้นมีพิษถึงชีวิต แม้จะรับประทานแบบดิบหรือนำมาปรุงจนสุกก็ตาม แต่ทั้งนี้ส่วนที่สามารถนำมารับประทานได้นั้นคือบริเวณก้านของรูบาร์บ
อันดับ 5 : "ผักใบเขียว"
เป็นที่น่าตกใจ เมื่ออาหารจำพวกผักใบเขียว ที่แลดูเป็นประโยชน์ต่อร่างกายจะตกอยู่ในแบล็กลิสต์ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อปี 2009 ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ ระบุชื่อผักใบเขียวทั้งหลาย อาทิ ผักโขม ผักสลัด กะหล่ำปลี ผักชีฝรั่ง และผักคะน้า ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งเมื่อปีที่ผานมาในสหรัฐฯ มีผู้ป่วยจากผักดังกล่าว 240 กรณี ซึ่งส่วนใหญ่รับประทานอาหารตามร้าน หรือภัตตาคาร ส่วนการติดเชื้อเชื่อว่าเกิดจากการละเลยความสะอาด ทั้งความสะอาดของมือผู้ปรุงอาหาร และความสะอาดของผักที่ล้าง โดยเชื้อโรคส่วนใหญ่ที่มากับผักชนิดดังกล่าว คือ ไวรัสไนโร ซึ่งติดมากับผักเมื่อได้รับการสัมผัสจากสัตว์ป่า หรือน้ำที่ไม่สะอาด
อันดับ 4 : "ถั่วลิสง"
...
สมาคมโรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มักมีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานถั่วลิสง เนื่องจากเป็นโรคภูมิแพ้ถั่ว ซึ่งปัจุจบันมีตัวเลขผู้มีอาการแพ้ถั่วเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่นับว่ายังไม่สูงมาก คิดเป็นเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตามจำนวนเด็กเสียชีวิตด้วยโรคแพ้ถั่ว เพิ่มขึ้นระหว่าง ปี 1997 -2002 ราว 2 เท่า
อันดับ 3 : "ผลแอคกี"
...
ผลแอคกี (Ackee) แต่เดิมเป็นผลไม้พื้นเมืองบริเวณพื้นที่แถบแอฟริกาตะวันตก แต่กลายมาเป็นผลไม้ประจำชาติจาไมก้า ราวปี 1788 สำหรับผู้ไม่รู้วิธีรับประทานผลแอคกีที่ถูกต้อง อาจเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียร และอาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ทั้งนี้ผลแอคกีดิบมีสารพิษที่ชื่อว่า Hypoglycin แฝงอยู่ ดังนั้นหากจะนำมารับประทานต้องรอให้ผลสุกจนกลายเป็นสีแดง และผลิออกจนเห็นเม็ดในสีดำเองตามธรรมชาติเสียก่อน สำหรับการรับประทานนั้น ชาวจาไมก้ามักทานเคียงกับปลาคอต
อันดับ 2 : "ปลาปักเป้า"
เสิร์ฟโดยการแร่เป็นชิ้นบาง ๆ โดยเชฟมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญ ปลาปักเป้านับเป็นอาหารจานหรู แต่มีพิษร้ายแรง ที่ชื่อว่า สารเตโตรโดทอกซิน (Tetrodotoxin) คร่าชีวิตนักชิมมากกว่าสารไซยาไนด์ หรือสารหนู (Cyanide)ในปลาปักเป้า 1 ตัวจะมีต่อมพิษอยู่ 1 ต่อม มีขนาดเล็กกว่าหัวเข็ม ผู้ที่สามารถเสิร์ฟอาหารจานนี้ได้ ต้องฝึกฝนและเรียนรู้นานกว่า 3 ปี เพราะพิษในปลาเพียง 1 ตัว สามารถปลิดชีพมนุษย์ได้มากถึง 30 คน ด้วยความประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนจึงทำให้ปลาปักเป้ามีมูลค่าแพงราว 200 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6,500 บาท) ต่อจาน แต่อย่างไรก็ตามนักกินในประเทศญี่ปุ่นยังคงนิยมสั่งปลาปักเป้ามารับประทานมากกว่า 10,000 ตันต่อปี และมีมากกว่า 40 สายพันธุ์ให้เลือกลิ้มรส
อันดับ 1 : "ฮอทดอก"
สถาบันกุมารเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา ระบุว่า อาหารชนิดนี้ส่งผลอันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่ เพราะ เนื้อที่นำมาผลิตมักมีคุณภาพต่ำ หรือเป็นการนำเศษเนื้อที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์มาบดและทำเป็นไส้กรอก จากรายงานบอกว่า 17 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี มักเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเมื่อบริโภคอาหารประเภทดังกล่าว สำหรับสาเหตุที่อยู่ในรายการอาหารที่อันตรายที่สุดเป็นเพราะ ฮอทดอกเป็นอาหารที่นิยมรับประทานในชีวิตประจำวันมากที่สุด โดยปราศจากการหลีกเลี่ยง หรือคำนึงถึงอันตรายที่แฝงอยู่.