ราคาน้ำมันพุ่งแล้ว...กลุ่มโอเปก บรรลุข้อตกลง ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบออกสู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นทันทีกว่า 6%
เมื่อ 29 ก.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ประเทศผลิตน้ำมันรายใหญ่บางประเทศของกลุ่มองค์กรส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก (Opec) ตกลงเห็นชอบที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันออกสู่ท้องตลาด เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี หลังจากรมว.ประเทศสมาชิกโอเปกได้ร่วมประชุมหารือนอกรอบ ระหว่างมาร่วมการประชุมพลังงานระหว่างประเทศที่กรุงแอลเจียร์ เมืองหลวงของประเทศแอลเจียร์ระหว่างวันที่ 26-28 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มโอเปกเห็นพ้องจะจำกัดการผลิตน้ำมันลงเหลือวันละ 32.5-33 ล้านบาร์เรล จากเดิมที่ผลิตวันละ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือเฉลี่ยแล้ว ลดวันละประมาณ 700,000 บาร์เรล
ข่าวแจ้งว่า การตกลงกันที่จะลดปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นทันทีกว่า 6% และยังทำให้บริษัทที่กักตุนน้ำมันไว้ได้กำไรขึ้นในพริบตา โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ได้ปรับเพิ่มขึ้น 2.72 ดอลลาร์ หรือ 5.9% มาอยู่ที่ราคา 48.69 บาร์เรล ต่อดอลลาร์
...
‘นี่เป็นการตกลงครั้งประวัติศาสตร์ เพราะเป็นครั้งแรกที่กลุ่มโอเปกและชาติส่งออกน้ำมันที่ไม่ได้เป็นสมาชิกโอเปกจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันเป็นครั้งแรกในช่วงเวลานับ 10 ปี ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ราคาน้ำมันที่ต่ำมานานจะปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล’ นายฟิลล์ ฟลินน์ นักวิเคราะห์ราคาน้ำมัน ‘Price Futures Group’ ที่ชิคาโก กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกต่างย่ำแย่ไปตามๆกัน ในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ได้ปรับตัวลดลงไปกว่าครึ่ง จากที่เคยมีราคาสูงกว่า 100ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อตอนช่วงกลางปี 2557 อันเนื่องมาจากสหรัฐฯสามารถผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานได้แล้ว จนส่งผลให้น้ำมันล้นตลาด และทำให้ราคาน้ำมันถูกลงมาเรื่อยๆ จนทำให้กลุ่มโอเปกตกลงที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันในที่สุดและเป็นการลดปริมาณการผลิตเป็นครั้งแรกในรอบ 8ปี