ศักยภาพยุทโธปกรณ์กองทัพเกาหลีเหนือเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อวันที่ 24 ส.ค. กองทัพเรือเกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำอีกครั้ง ในบริเวณทะเลญี่ปุ่น ท่ามกลางเสียงประณามจากชาติเพื่อนบ้านทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ระบุว่าเป็นการกระทำที่ยั่วยุและไร้ความรับผิดชอบ
จากการเปิดเผยของรัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ระบุว่า การทดสอบขีปนาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำครั้งนี้ มีขึ้นในทะเลญี่ปุ่น ทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยขีปนาวุธได้ทะยานขึ้นจากใต้น้ำสู่ฟ้าพุ่งตรงไปทางประเทศญี่ปุ่นก่อนตกลงทะเล ระยะทางจากจุดปล่อยสู่จุดตกประมาณ 500 กิโลเมตร และยังถือเป็นครั้งแรกที่ขีปนาวุธเกาหลีเหนือถูกยิงเข้าไปในอาณาเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศหรือ ADIZ ของญี่ปุ่นด้วย
ด้านนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ประณามการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือว่า เป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยและไร้ความรับผิดชอบ เช่นเดียวกับกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ที่ออกเตือนว่า ทำเยี่ยงนี้อาจถูกคว่ำบาตรเพิ่ม และเป็นการเร่งทำลายตัวเอง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง รวมถึงกองทัพเกาหลีใต้มองว่า จากระยะยิงของขีปนาวุธที่ไกลถึง 500 กิโลเมตร ได้แสดงให้เห็นว่า การทดสอบครั้งนี้สัมฤทธิผล และศักยภาพด้านอาวุธของเกาหลีเหนือมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ในอนาคตด้วยว่า ขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออาจมีศักยภาพเพียงพอที่จะหลบหลีกระบบตรวจจับเรดาห์ของระบบป้องกันขีปนาวุธชั้นสูง THAAD ที่สหรัฐฯเตรียมนำมาติดตั้งในปี 2560 เนื่องจากระบบดังกล่าวรวมถึงระบบป้องกันขีปนาวุธอื่นๆที่มีอยู่จะหันหน้าจับตาไปทางเกาหลีเหนือ ดังนั้น หากยิงขีปนาวุธจากพื้นที่ทะเลที่เรดาห์ไม่ครอบคลุมก็จะหลบหลีกจากตรวจจับไปได้
...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือครั้งนี้ มีขึ้น 2 วันหลังจากกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐฯจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ประจำปี และหากศักยภาพขีปนาวุธเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือยังคงเส้นคงวาต่อไปเช่นนี้ ก็จะทำให้เกาหลีเหนือกลายเป็นอีกหนึ่งชาติที่กองทัพมีความสามารถในการโจมตีจากเรือดำน้ำ จากเดิมที่มีแค่ 6 ชาติในโลก รวมสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย.