(ภาพจากยูทูบ:The Cosmos news)

นักวิทย์นาซาหวั่น ดาวเคราะห์น้อย ‘เบนนู’ เปลี่ยนเส้นทางโคจร จนอาจพุ่งชนโลก เตือน สามารถสร้างความเสียหายมหาศาล ผู้คนล้มตายบาดเจ็บอื้อ เพราะจะก่อให้เกิดหลุมกว้างถึง 7 กม.และแรงสั่นสะเทือนเทียบเท่าแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. สื่อต่างประเทศรายงานครึกโครม บรรดานักวิทยาศาตร์ประจำองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) เตือน อาจมีดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ พุ่งชนโลกจนสร้างความเสียหายแก่โลกอย่างมหาศาล มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยนักวิทย์ของนาซา ระบุว่า ดาวเคราะห์น้อยดังกล่าว ซึ่งถูกตั้งชื่อให้ว่า เบนนู ‘Bennu’ และสามารถมองเห็นจากโลกได้ในทุกๆ 6 ปีนั้น ในปี ค.ศ. 2135 หรือ 119 ปีข้างหน้า นักวิทยาศาสตร์ของนาซา คาดว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จะเปลี่ยนแปลงวิถีโคจร มาเคลื่อนตัวตัดผ่านระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ซึ่งอาจทำให้พุ่งชนโลกได้ จนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมโหฬาร

ศาสตราจารย์ แดนเต้ ลอเรตตา แห่งมหาวิทยาลัยแอริโซนา ในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน ยังทำงานเป็นหัวหน้าโครงการส่งยานสำรวจ ‘Osiris-Rex’ (โอซิริส-เร็กซ์) ไปเก็บตัวอย่างหินจากดาวเคราะห์น้อยเบนนูกลับมาตรวจสอบยังโลกมนุษย์ เตือนว่า การเปลี่ยนวิถีโคจรของดาวเคราะห์น้อย เบนนู อาจสร้างความเสียหายมหาศาล มีคนล้มตายบาดเจ็บจำนวนมาก โดยดาวเคราะห์น้อยเบนนู มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 500 เมตร และหากพุ่งชนโลก จะก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ กว้างถึงประมาณ 7 กม. และความรุนแรงจากการกระแทกพุ่งชนโลก จะก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนเทียบเท่ากับการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7 เลยทีเดียว

...

ด้าน นายไมเคิล บูสช์ นักดาราศาสตร์ด้านดาวเคราะห์ แห่งสถาบัน SETI ยังกล่าวด้วยว่า ความรุนแรงจากการที่ดาวเคราะห์เบนนูพุ่งชนโลก สามารถสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่เป็นบริเวณกว้างในรัศมี 500 กม.

ทั้งนี้ องค์การนาซากำลังจะส่งยานสำรวจ โอซิริส-เร็กซ์ ไปสำรวจดาวเคราะห์น้อยเบนนูในวันที่ 8ก.ย.59 และจะเดินทางถึงดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ ในปี 2561 จากนั้นยานสำรวจจะใช้เวลา 1 ปี ในการสำรวจเก็บข้อมูลและตัวอย่างหินจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู ซึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยอัตราเร็ว 63,000 ไมล์ต่อชั่วโมง และจากนั้น ยานสำรวจจะกลับมายังโลก และจะมาถึงในปี 2566