ชาวโลกคงต้องหันไปเรียนภาษาฝรั่งเศสกันมากขึ้น... ประธานคณะกรรมาธิการ รธน. รัฐสภายุโรป ชี้ ภาษาอังกฤษ อาจไม่ใช่ภาษาทางการของอียูอีกต่อไป หลังสหราชอาณาจักรโหวตออกจากอียู ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ในการลดอิทธิพลของอังกฤษต่อยุโรป

เมื่อ 29 มิ.ย. 59 สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างการเปิดเผยของนักกฎหมายในสหภาพยุโรป (อียู) หลังผลการทำประชามติ สหราชอาณาจักร (ยูเค) Brexit จะออกจากอียู ว่า อาจทำให้ ภาษาอังกฤษ ซึ่งถือเป็นภาษาที่สองของโลกถูกลดบทบาทลง โดยไม่ได้เป็นภาษาทางการของอียูอีกต่อไป 

ศาสตราจารย์ ดานูตา ฮับเนอร์ ประธานคณะกรรมาธิการรัฐธรรมนูญของรัฐสภายุโรป แถลงข่าว เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับกระบวนการทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้น หลังอังกฤษออกจากอียูว่า ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาทางการของอียู เพราะถูกเสนอโดยสหราชอาณาจักร แต่หาก อียู ไม่มี ยูเค เป็นสมาชิกอีกแล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ศ.ฮับเนอร์ กล่าวว่า ภาษาอังกฤษอาจยังคงเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ในอียู ถึงแม้ไม่ใช่ภาษาทางการก็ตาม สำหรับการเคลื่อนไหวของอียู หากมีการลดบทบาทของภาษาอังกฤษ ไม่ได้เป็นภาษาทางการของอียูจริง จะถือเป็นการเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์​ เพื่อต้องการลดอิทธิพลของอังกฤษที่มีต่อทวีปยุโรป

...

รอยเตอร์สแจ้งว่า ภาษาฝรั่งเศส ถือเป็นภาษาสำคัญในสถาบันต่างๆ ของอียู มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 แต่เมื่อ สวีเดน ฟินแลนด์ และออสเตรีย รวมทั้งประเทศในยุโรปตอนกลาง และยุโรปตะวันออกเข้ามาเป็นสมาชิกอียู ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง โดยขณะนี้ เอกสาร และตำราทางกฎหมายของอียู ถูกแปลเป็นภาษาทางการทั้งหมดของกลุ่มอียู 24 ภาษา ซึ่งหากอังกฤษสูญเสียสถานะนี้ไปแล้ว ชาวอังกฤษก็ต้องแปลเอกสาร และตำราทางกฎหมายของอียูให้เป็นภาษาอังกฤษเอง