ปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังติดอาวุธกลุ่มต่างๆในซีเรียครั้งนี้ มองแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับงานมหกรรมแสดงอาวุธครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าชาติมหาอำนาจ
โดยเฉพาะ “รัสเซีย” ที่แทบจะเป็นดาวเด่นกว่าใคร เพราะกรณีนี้ถือเป็นการคัมแบ็ก กลับมาแสดงให้โลกเห็นอีกครั้งว่าแสนยานุภาพยังไม่หายไปไหน ขนมาทั้งฝูงเครื่องบินรบ กองบินเฮลิคอปเตอร์จู่โจม กองเรือทะเลดำ ยิงถล่มอุตลุดใส่ทั้งกลุ่มกบฏซีเรียและกลุ่มรัฐอิสลามไอเอส
ประกาศศักดา โชว์พลังให้คนนึกหวนถึงอดีตสมัยที่ธงสหภาพโซเวียตโบกสะบัด
นอกจากนี้ยังรวมถึงเรือดำน้ำเขี้ยวเล็บสำคัญในการปฏิบัติภารกิจลับ ชั้นกิโลรุ่นปรับปรุง รหัส บี-237 “รอสตอฟ นา ดอนู” ระบบดีเซลไฟฟ้า ที่ฝ่ายนาโต้ตั้งสมยานามว่าแบล็ก โฮล (หลุมดำ) เนื่องจากประสิทธิภาพหลบหลีกการตรวจจับอันเหนือชั้น จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่เงียบที่สุด
เปิดตัวใช้จรวดนำวิถีแบบร่อนรุ่นใหม่ 3 เอ็ม-54 คาลิเบอร์ พิสัยทำการ 660 กิโลเมตร ยิงขึ้นมาจากใต้ทะเลแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีใครรู้ว่ารัสเซียเอาเรือดำน้ำรุ่นนี้มาเข้าร่วมปฏิบัติการซีเรียตั้งแต่เมื่อไหร่
ทั้งนี้ เรือดำน้ำชั้นกิโลรุ่นปรับปรุง ถูกเรียกอีกอย่างว่า ชั้นวาร์ชาฟยันกา เป็นมฤตยูใต้สมุทรเจเนอเรชั่นที่ 3 ของฝูงเรือดำน้ำรัสเซีย ภายใต้ชื่อโครงการ 636 ขนาด 4,000 ตัน สามารถปฏิบัติการอย่างเป็นเอกเทศได้นานถึง 45 วัน ใช้ลูกเรือเพียง 52 คน
สามารถดำได้ในพื้นทะเลตื้น ไปจนถึงความลึกในการดำสูงสุด 300 เมตร ด้วยความเร็วใต้น้ำสูงสุด 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภารกิจหลักต่อต้านเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำ ไปจนถึงสนับสนุนการโจมตีทางบก มี 6 ท่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มิลลิเมตร
จรวดนำวิถีต่อต้านเรือหรือโจมตีทางบกจำนวน 8 ลูก รวมถึงจรวดต่อต้านอากาศยาน เพียงแต่อาวุธประเภทหลังจะไม่มีสำหรับรุ่นที่ส่งออก
...
แน่นอนว่าด้วยความสามารถเช่นนี้จึงล่อตาล่อใจรัฐบาลต่างๆ อย่างจีนที่ซื้อใช้แล้ว 10 ลำ ขณะที่เวียดนามใช้อยู่ 4 ลำ กำลังสั่งต่ออีก 2 ลำ ส่วนอินโดนีเซียมีข่าวว่าอยู่ระหว่างพิจารณา.
ตุ๊ ปากเกร็ด