นายไรอัน ทราปานี โฆษกสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) แถลงเมื่อ 11 ก.ย. ว่า จากการประมวลข่าวกรองครั้งใหม่ช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา พบว่ากองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) หรือไอซิสหรือไอซิล ในอิรักและซีเรียมีนักรบราว 20,000-31,500 คน สูงกว่าที่เคยประเมินไว้เดิมราว 10,000 คนถึง 3 เท่า โดยการเพิ่มจำนวนมาจากการเกณฑ์สมาชิกใหม่ที่เข้มแข็งขึ้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. หลังไอเอสประสบความสำเร็จในสนามรบ และประกาศตั้งรัฐอิสลาม “คอลิฟะห์” ขึ้นในอิรักและซีเรีย อีกทั้งมีการรบในสมรภูมิและการข่าวกรองที่เพิ่มขึ้น

ถ้อยแถลงของซีไอเอมีขึ้น 1 วัน หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศขยายปฏิบัติการรุกกวาด ล้างกลุ่มไอเอส รวมทั้งโจมตีทางอากาศถล่มไอเอสในซีเรีย เพิ่มการโจมตีไอเอสในอิรัก และสนับสนุนกองทัพรัฐบาลอิรักมากขึ้น ซึ่งผู้นำพรรครีพับลิกันฝ่ายค้านในสภาคองเกรสสหรัฐฯ ก็แสดงความสนับสนุนโอบามา

ส่วนการประชุมระหว่างนายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ กับสันนิบาตอาหรับที่นครเจดดาห์ในซาอุดีอาระเบีย เมื่อ 11 ก.ย. ชาติอาหรับ 10ประเทศ คือ ซาอุฯ บาห์เรน อียิปต์ อิรัก จอร์แดน คูเวต เลบานอน โอมาน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตกลงสนับสนุนสหรัฐฯต่อสู้กับไอเอส แต่ตุรกีชาติพันธมิตรสำคัญและสมาชิกนาโตไม่เข้าร่วม แม้จะร่วมประชุมด้วย ซึ่งนายแคร์รีไปเยือนตุรกีเพื่อเกลี้ยกล่อมอีกครั้งใน 12 ก.ย.

แถลงการณ์ของสหรัฐฯ และชาติอาหรับ 10 ชาติระบุว่า จะร่วมต่อสู้ไอเอส รวมทั้งด้านการทหารที่จำเป็น การตัดเส้นทางการเงินและยับยั้งไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าไปช่วยไอเอสสู้รบ การกำจัดอุดมการณ์แห่งความเกลียดชัง และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม

อนึ่ง เมื่อ 12 ก.ย. นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลีย ประกาศยกระดับการเตือนภัยการก่อการร้ายในประเทศจากระดับกลางเป็น “ระดับสูง” เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เพราะหวั่นวิตกว่านักรบญี–ฮาดในออสเตรเลียที่เดินทางไปร่วมรบในอิรักและซีเรียอาจกลับมาก่อการร้ายในบ้าน ไม่ใช่เป็นเพราะว่าได้รับข้อมูลเรื่องแผนโจมตีใดๆเป็นการเฉพาะ เพียงแต่หลักฐานโดยรวมบ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงก่อการร้ายมากขึ้น โดยเชื่อว่ามีชาวออสเตรเลียไปช่วยกลุ่มไอเอสสู้รบในอิรักและซีเรียราว 60 คน อีกราว 100 คน ลอบสนับสนุนอยู่ในประเทศ และนักรบญีฮาดเหล่านี้อย่างน้อย 20 คนเดินทางกลับออสเตรเลียและเป็นอันตรายยิ่ง.

...