ผู้รับเคราะห์–ชาวซูดานใต้หลายพันคนหลั่งไหลขอเข้าไปหลบภัยในศูนย์บัญชาการกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (UNMISS) ในเมืองบอร์ เมื่อ 18 ธ.ค. หลังสงครามปะทุรอบใหม่ (รอยเตอร์)

“สาธารณรัฐซูดานใต้” ประเทศน้องใหม่ล่าสุดของโลก ใกล้เกิดสงครามกลางเมืองนองเลือดรอบใหม่ ทั้งที่เพิ่งแยกเอกราชจาก “สาธารณรัฐซูดาน” ได้แค่ 2 ปีกว่า

สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า การสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลของประธานาธิบดีซัลวา คีอีร์ กับกองกำลังของอดีตรองประธานาธิบดีริเอค มาชาร์ ผู้นำฝ่ายค้าน ในกรุงจูบาเมืองหลวง ตั้งแต่ 15 ธ.ค. มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 500 คน บาดเจ็บนับพันคน และสงครามกำลังขยายตัวไปยังเมืองอื่นๆ หวั่นเกิดสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ

ชาติน้องใหม่ไปไม่ถึงฝัน "ซูดานใต้" อนาคตมืดมน

...

มาชาร์ยังกล่าวหาว่า คีอีร์เป็นเผด็จการ บริหารประเทศล้มเหลว ทำให้ซูดานใต้ยังเป็นหนึ่งในชาติยากจนที่สุดในโลก อีกทั้งพยายามรวบอำนาจในคณะรัฐบาลและพรรค “ขบวนการปลดปล่อยประชาชนซูดาน”  (เอสพีแอลเอ็ม) พรรครัฐบาล ทำให้บ้านเมืองไร้ประชาธิปไตย

ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่ดูจากรูปการณ์ เกิดศึกแย่งชิงอำนาจในซูดานใต้แน่นอนแล้ว ระหว่างฝ่ายของคีอีร์ ซึ่งเป็นชาวเผ่า “ดิงกา” กับฝ่ายมาชาร์ ซึ่งเป็นชาวเผ่า “นูเออร์” 2 ชนเผ่าใหญ่ที่สุดของซูดานใต้

ตอนนี้ มาชาร์และผู้นำฝ่ายค้านอีกราว 5 คน กำลังหลบหนีการไล่ล่า ส่วนเหล่าผู้นำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอีก 10 คน ถูกกวาดจับไปแล้ว รวมทั้งอดีต รมว.คลัง มหาดไทย และยุติธรรม การตามล้างตามเช็ดและการตอบโต้คงไม่จบง่ายๆ เพราะคงไม่มีใครยอมใคร

ก่อนจะแยกประเทศ ซูดานเคยเกิดสงครามกลางเมืองแล้ว 2 ครั้ง โดยก่อนที่จะได้รับเอกราชจากอังกฤษและอียิปต์ซึ่งยึดครองซูดานร่วมกันในปี 2499 ผู้นำซูดานใต้กล่าวหารัฐบาลกลางในกรุงคาร์ทูมว่าไม่รักษาสัญญาที่จะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสหพันธรัฐ และพยายามทำให้ประเทศเป็นรัฐอิสลาม-อาหรับ

“ซูดานเหนือ” หรือซูดานในปัจจุบัน ชนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ขณะที่ซูดานใต้ ชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพื้นเมืองโบราณ ส่วนน้อยนับถือศาสนาคริสต์ ความขัดแย้งด้านเชื้อชาติศาสนาจึงมีมาตลอด

ในปี 2498 ก่อนได้รับเอกราช 1 ปี คณะนายทหารในซูดานใต้ลุกฮือก่อกบฏ เกิดสงครามกลางเมืองครั้งแรกระหว่างรัฐบาลกลางกรุงคาร์ทูมกับกองโจร “ขบวนการอันยา เอ็นยา” ฝ่ายใต้ ก่อนสงครามยุติในปี 2515 ตามข้อตกลงสันติภาพแอดดิส อะบาบา ซึ่งยอมให้ซูดานใต้มีสิทธิปกครองตนเอง

แต่ในปี 2526 หรือ 11 ปีต่อมา ฝ่ายซูดานใต้ นำโดย “ขบวนการปลดปล่อยประชาชนซูดาน” (เอสพีแอลเอ็ม) พรรครัฐบาลปัจจุบัน และ “กองทัพปลดปล่อยประชาชนซูดาน” (เอสพีแอลเอ) ปีกติดอาวุธของเอสพีแอลเอ็ม ลุกฮือก่อกบฏอีก หลังรัฐบาลกลางล้มเลิกสิทธิปกครองตนเอง ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2

ศึกกลางเมืองรอบ 2 ยุติลงในปี 2548 หรือ 8 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ “ข้อตกลงสันติภาพที่ครอบคลุม” (ซีพีเอ) โดยซูดานใต้ได้รับสิทธิปกครองตนเองและการรับประกันว่าจะมีตัวแทนร่วมอยู่ในรัฐบาลแบ่งปันอำนาจแห่งชาติ ข้อตกลงนี้ยังระบุให้จัดการลงประชามติในปี 2554 ให้ชาวซูดานใต้ตัดสินอนาคตตัวเองว่าต้องการแยกเอกราชหรือไม่ ซึ่งผลปรากฏว่าเกือบ 99% ต้องการ ซูดานใต้จึงประกาศแยกเอกราชจากซูดานเมื่อ 9 ก.ค.ปีนั้น

แต่หลังแยกเอกราช ซูดานใต้ซึ่งประกอบด้วย 10 รัฐทางภาคใต้และมีประชากรราว 11 ล้านคนก็ยังไม่สงบ เพราะเกิดการแย่งชิงอำนาจกันเอง ขณะที่ชนเผ่าดิงกาครองความเป็นใหญ่ในคณะรัฐบาล ทำให้ชนเผ่าอื่นๆ โดยเฉพาะเผ่านูเออร์และชิลุคไม่พอใจ จึงมีการซ่องสุมตั้งกองกำลังของใครของมันขึ้นมาหลายกลุ่ม

นอกจากนี้ ตามแนวชายแดนซูดานใต้และซูดานซึ่งยังปักปันเขตแดนไม่ลงตัว รวมทั้งที่ภูมิภาคอับเยและแนวเทือกเขานูบาในรัฐคอร์โดฟานใต้ ก็เกิดการปะทะกันเนืองๆ ระหว่างหลายก๊กหลายกลุ่มที่ต้องการยึดครองพื้นที่ เปิดโอกาสให้รัฐบาลซูดาน (เหนือ) เข้าแทรกแซงช่วยฝ่ายของตน ซูดานใต้จึงมีทั้งศึกนอกศึกใน

เดิมทีชาวซูดานใต้ยังชีพอยู่ด้วยการเกษตร แต่ปัจจุบัน พึ่งพารายได้จาก “น้ำมัน” เป็นหลัก เพราะก่อนแยกเอกราช น้ำมันสำรองอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศอยู่ในซูดานใต้ถึง 75% ขณะที่โรงกลั่นและท่อส่งน้ำมันส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในซูดานเหนือ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงซีพีเอ ปี 2548 ซูดานใต้จะได้รับส่วนแบ่งจากการขายน้ำมัน 50%

แต่เมื่อซูดานใต้แยกเอกราช ข้อตกลงแบ่งรายได้จากน้ำมันแบบครึ่งต่อครึ่งนี้ก็หมดอายุลง ทั้งสองฝ่ายจึงต้องเจรจากันใหม่ แต่เดือน ม.ค.ปีที่แล้ว การเจรจาล่มกลางคัน ส่งผลให้ซูดานใต้หยุดผลิตน้ำมันและขาดรายได้ จนจำต้องลดงบประมาณของรัฐในทุกภาคส่วนลงถึง 50% ยกเว้นเงินเดือนข้าราชการ

...

จนกระทั่งเดือน มี.ค.ปีนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันได้ ทำให้มีการตั้งเขตปลอดทหารที่ชายแดน และซูดานใต้เริ่มส่งน้ำมันให้ซูดานอีกครั้งใน 2 เดือนต่อมา แต่แม้จะร่ำรวยน้ำมัน และต่างชาติเริ่มเข้าไปลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ซูดานใต้ก็ยังขาดการพัฒนา ยังเป็นหนึ่งในชาติด้อยพัฒนาที่สุดในแอฟริกา

สงครามกลางเมืองซูดาน 2 ครั้งก่อนนาน 22 ปี ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.5 ล้านคน พลัด ถิ่นฐานบ้านช่องกว่า 4 ล้านคน ยิ่งเกิด “สงครามกลางเมืองรอบ 3” อนาคตซูดานใต้ยิ่งดูมืดมน!

บวร โทศรีแก้ว