กลายเป็นประเด็นที่ผุดมาเป็นระยะๆ สำหรับคำถามถึงความเป็นไปได้ที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะดำรงตำแหน่งผู้นำพญาอินทรีเป็นสมัยที่ 3

หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดี สตีฟ แบนนอน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า กลุ่มผู้สนับสนุนกำลังหาหนทางที่จะทำให้ทรัมป์นั่งบังลังก์ทำเนียบขาวต่อไป โดยทีมทำงานอยู่ระหว่างดูแนวทางด้านกฎหมาย และข้อห้ามทางรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มาตรา 22 ส่วนแก้ไขในยุคประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามบุคคลใดได้รับเลือกเข้ารับหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯเกิน 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้มีใครทรงอิทธิพลมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม เอียน แบสซิน อดีตที่ปรึกษาอาวุโสยุคประธานาธิบดีบารัค โอบามา มองว่า เรื่องนี้อย่าเพิ่งมั่นใจไปว่าสหรัฐฯมีมาตรา 22 ทรัมป์คงไม่กล้า เพราะหากดูจากที่ผ่านมาจะสังเกตได้ว่าผู้นำวัย 78 ปี รายนี้มีการล้อเล่นแบบทีเล่นทีจริงมาตลอด

ในปี 2563 ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า ผมจะกลับมาสมัยหน้าเจอกันอีก 4 ปี และจากนั้นก็จะอยู่ต่ออีก 4 ปี ขณะที่ปี 2567 ก็กล่าวกับกลุ่ม สส.รีพับลิกันหลังชนะเลือกตั้ง หลังจากนี้คงลงเลือกตั้งไม่ได้แล้ว ยกเว้นแต่พวกคุณจะเห็นว่าผมเก่งมาก พวกเรา สส.ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว พร้อมหยอกระหว่างเดินสายเยี่ยมชาวบ้านว่า จะเป็นเกียรติกับชีวิตมากถ้าได้รับใช้ประเทศ 3 หรือ 4 สมัย...ไม่ล่ะ 2 สมัยก็พอเนอะ

ขณะที่สื่อการเมืองโพลิติโกสหรัฐฯยังวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการอยู่ต่ออีกสมัย 1.รวมพลังผู้สนับสนุนแสดงจุดยืนการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปูทางให้สภามีความชอบธรรมที่จะผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง 2.ใช้ช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญด้วยการหาคนที่จงรัก ภักดีอย่างถึงที่สุดมาลงชิงตำแหน่งผู้นำสมัยหน้า เลือกทรัมป์เป็นคู่หูรองประธานาธิบดี จากนั้นพอชนะเลือกตั้งก็ให้เบอร์ 1 ลาออก เพื่อที่ทรัมป์จะได้ขึ้นเป็นผู้นำแทน

...

3.ไม่ต้องสนใจรัฐธรรมนูญ ลงสมัครเลือกตั้งสมัย 3 และให้กระบวนการตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดว่าทำได้หรือไม่ได้ หลังจากพรรครีพับลิกันมีความได้เปรียบในเรื่องคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาตามด้วยประการสุดท้าย 4.ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ หรือก่อสงคราม หรืออ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง เพื่อใช้เป็นข้ออ้างอยู่ต่อ ไม่ยอมลงจากอำนาจกันดื้อๆไปเลย.

ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม