ประสิทธิภาพเหนือชั้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอจากแดนมังกรอย่างดีปซีก (DeepSeek) ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก เขย่าบิ๊กเทคแดนพญาอินทรี หรือน้องใหม่ล่าสุดอย่างมานัส (Manus) ไม่ใช่เรื่องฟลุกหรือน่าประหลาดใจ แต่เป็นข้อพิสูจน์ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีภายใต้แผน “ผลิตในจีน 2025” (Made in China 2025) กลยุทธ์ผลักดันจีนให้เป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ขณะเดียวกันจีนยังมองไกลไปถึงการวางรากฐานให้ความรู้ด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ให้กับประชาชนตั้งแต่เป็นเด็ก หวังช่วยให้บรรลุเป้าหมายสร้างชาติให้เข้มแข็ง มีโรงเรียนต่างๆ ในกรุงปักกิ่งเมืองหลวงของจีนขานรับนโยบาย เตรียมเปิดหลักสูตรวิชาเอไอ ให้กับนักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ได้เรียนรู้ตั้งแต่ภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วง เริ่มวันที่ 1 ก.ย.นี้ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี ไม่ว่าจะเปิดสอนในรูปแบบวิชาเดี่ยวๆ หรือจะบูรณาการกับหลักสูตรที่มีอยู่ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและวิทยาศาสตร์

หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงศึกษาธิการของจีนออกแนวทางเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาให้โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาเสริมสร้างการเรียนรู้เทคโนโลยีเอไอ เน้นให้เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นได้สำรวจและสัมผัสกับเทคโนโลยีเอไอ ขณะที่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลายและนักเรียนมัธยมต้นได้ทำความเข้าใจและการนำเอไอไปใช้งาน ส่วนนักเรียนมัธยมปลายควรมีส่วนร่วมในการสร้างโครงการต่างๆ และแอปพลิเคชันขั้นสูง

ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งของจีนได้เริ่มเปิดหลักสูตรเอไอเมื่อเดือนก่อน เกาะติดความสำเร็จของดีปซีก หลายสถาบันยังประกาศรับนักศึกษาเพิ่มโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่งต้องการนักศึกษาระดับปริญญาตรีเพิ่มโดยเฉพาะในสาขาที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ระดับชาติ มหาวิทยาลัยเหรินหมินประกาศรับนักศึกษาด้านเอไอเพิ่มเติม เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง อยากได้นักศึกษาเพิ่มเติมด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย และอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เป็นต้น ส่งเสริมกันขนาดนี้ ความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกล.

...

อมรดา พงศ์อุทัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม