นักท่องเที่ยวหลายร้อยคนแห่เดินทางออกจากเมืองมรดกโลกของอินเดีย หลังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายรุมโทรมผู้หญิงและฆาตกรรมนักท่องเที่ยวเมื่อสัปดาห์ก่อน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานในวันจันทร์ที่ 10 มี.ค. 2568 ว่า นักท่องเที่ยวหลายร้อยคนแห่เดินทางออกจากเมืองฮัมปี (Hampi) เมืองมรดกโลกในรัฐกรณาฏกะ ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย ไม่กี่วันหลังจากเกิดเหตุนักท่องเที่ยวหญิงชาวอิสราเอลกับหญิงชาวอินเดียเจ้าของโฮมสเตย์ ถูกกลุ่มคนร้ายรุมโทรมข่มขืน ขณะที่ชายอีกคนถูกฆาตกรรม
เมืองฮัมปี เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรวิชัยนคร ถูกยกย่องว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีซากโบราณมากมายริมแม่น้ำทุงกา และได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2529 ดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละมากกว่า 100,000 คน โดยเฉพาะชาวอิสราเอลและยุโรป
อย่างไรก็ตาม เหตุโจมตีดังกล่าวกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก สร้างความหวาดกลัวให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างมาก โดยนายไซเยด อิสมาเอล ผู้เป็นไกด์นำเที่ยวเผยว่า นักท่องเที่ยวกว่า 90% ตัดสินใจออกจากโฮมสเตย์และเดินทางออกจากพื้นที่ ส่วนคนที่ยังอยู่ก็ได้รับคำแนะนำให้เดินทางเป็นกลุ่ม และหลีกเลี่ยงพื้นที่เปลี่ยว
นายราม อราซิดดี ผู้กำกับการตำรวจเมืองฮัมปีเผยว่า เหตุโจมตีเกิดขึ้นเมื่อ 6 มี.ค. ที่หมู่บ้านซานาปูร์ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมเข้าพักเนื่องจากอยู่ใกล้กับซากโบราณและวัดต่างๆ โดยหญิงชาวอิสราเอลกับหญิงเจ้าของโฮมสเตย์ กับผู้ตายและนักท่องเที่ยวชายอีก 2 คน กำลังดูดาวใกล้กับวัดแห่งหนึ่ง ก่อนที่ชาย 3 คนจะขี่จักรยานยนต์เข้ามาหา และถามทางไปปั๊มน้ำมัน
กลุ่มผู้เสียหายบอกทางไปแต่กลุ่มชาย 3 คนกลับเรียกร้องขอเงิน 100 รูปี ซึ่งฝ่ายผู้เสียหายพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายหนึ่งในนักท่องเที่ยวชายก็มอบเงินให้ชายกลุ่มนี้ไป 20 รูปี อย่างไรก็ตาม กลุ่มชาย 3 คนไม่พอใจและเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้น โดยกลุ่มชายทั้งสาม ผลักนักท่องเที่ยวชาย 3 คนตกลงไปในแม่น้ำ แล้วลงมือข่มขืนหญิงทั้งสอง
...
ด้านนักท่องเที่ยวชายสามารถว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งได้ 2 คน ส่วนอีกคนเป็นนักท่องเที่ยวจากรัฐโอดิชา จมน้ำเสียชีวิต
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 รายได้ในวันเสาร์ (8 มี.ค.) ส่วนผู้ต้องสงสัยรายที่ 3 ถูกจับตัวได้ในรัฐทมิฬนาฑูซึ่งอยู่ติดกันเมื่อวันอาทิตย์ ก่อนที่เขาจะถูกนำตัวไปยังรัฐกรณาฏกะในวันจันทร์
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc