กลุ่มฮามาสปล่อยตัวพลทหารหญิงชาวอิสราเอลให้ได้รับอิสรภาพออกมาสู่โลกภายนอกเป็นคนแรก หลังถูกคุมขังนานกว่า 1 ปี ก่อนปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 2 ราย เป็นพลเรือนหญิงวัย 29 ปี และชายวัย 80 ปี ตามข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ตัวประกันเด็กยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ส่วนแรงงานไทยที่เป็นตัวประกัน 6 คน ได้รับการปลดปล่อยออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว 5 คน ที่เหลืออีก 1 คน ยังไม่ชัดเจนจะถูกปล่อยตัวอย่างไร ด้านพ่อแม่เหยื่อตัวประกันต่างดีใจลูกรอดปลอดภัยและเตรียมกลับไทยมาพบครอบครัว ขอบคุณทางการและรัฐบาลที่ได้ช่วยเหลือ

ท่ามกลางความหวังอันริบหรี่ของครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอล ที่เฝ้ารอคอยการปล่อยตัวแรงงานไทยในอิสราเอล 6 คน ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันในสงครามระหว่างฮามาสกับอิสราเอล ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ต.ค.2566 และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอิสราเอลและกลุ่มฮามาสหันมาเปิดฉากเจรจาเรื่องการหยุดยิงเมื่อกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จนบรรลุข้อตกลง และกลายเป็นข้อตกลงหยุดยิงครั้งประวัติศาสตร์ ท่ามกลางความโล่งใจของชาวโลก และยิ่งเป็นข่าวที่ดีต่อใจของชาวโลกมากขึ้น เมื่อกลุ่มฮามาสประกาศปล่อยตัวประกันทั้งหมดให้เป็นอิสรภาพ ในจำนวนนี้มีตัวประกันแรงงานไทยรวมอยู่ด้วย ทำให้ครอบครัวของแรงงานไทยตัวประกันต่างพากันดีใจอย่างสุดๆ หลังจากเฝ้ารอเวลานี้มากว่า 1 ปี

เมื่อวันที่ 30 ม.ค. กองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันอิสราเอลแลกกับการปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำของอิสราเอลจำนวน 110 คน ที่เมืองคานยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เริ่มจาก น.ส.อากัม เบอร์เกอร์ ทหารหญิงชาวอิสราเอล วัย 20 ปี ที่ถูกลักพาตัวออกไปจากฐานทัพของหน่วยเฝ้าระวัง สังกัดกองทัพอิสราเอลที่คิบบุตช์นาฮัล ออซ บริเวณชายแดนอิสราเอล-ฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566 ถูกปล่อยตัวเป็นคนแรก มีเจ้าหน้าที่องค์กรกาชาดสากล ผู้อำนวยความสะดวกในการส่งมอบตัวประกัน ได้ลงนามในเอกสารฉบับหนึ่งของกลุ่มฮามาส ที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ก่อนที่ตัวประกันรายนี้ได้รับอิสระ

...

หลังเป็นอิสรภาพ น.ส.เบอร์เกอร์ที่อยู่ในชุดทหารสีเขียว มีสีหน้าแจ่มใส รวบผมหางม้า มีป้ายชื่อระบุตัวตนห้อยอยู่ที่คอ มือถือถุงกระดาษและเอกสารที่ได้รับจากกลุ่มฮามาส ได้โบกมือให้กับกลุ่มคนที่มารวมตัวรอดูการปล่อยตัวประกันในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย โดยมีกลุ่มนักรบฮามาสคอยประกบตัวอยู่ไม่ห่าง ก่อนส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่กาชาดสากล เพื่อเดินทางไปหากองทัพอิสราเอล รวมถึงหน่วยรักษาความมั่นคงชินเบต ที่ประจำการรออยู่ในฐานทัพฉนวนกาซา ใกล้กับชุมชนเรอิม บริเวณชายแดนฉนวนกาซา โดยได้มีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อนไปพบครอบครัวและเดินทางกลับไปอิสราเอล เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดต่อไป

ต่อมาองค์การกาชาดสากลได้รับแจ้งพิกัดจากกองกำลังติดอาวุธอิสลามิกจิฮัดในฉนวนกาซา ที่เป็นฝ่ายควบคุมตัวประกันอิสราเอล 2 ราย ที่ถูกลักพาตัวไปจากคิบบุตซ์เนอร์ ออซ คือ น.ส.อาร์เบล เยฮุด พลเรือนหญิง วัย 29 ปี นายกาดี โมเสส ชายวัย 80 ปี โดยกลุ่มจิฮัดได้ส่งมอบตัว น.ส.เยฮุดเป็นคนแรก ที่บริเวณบ้านของนายยะห์ยา ซิน วาร์ อดีตผู้นำฮามาส ในเมืองข่าน ยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ตามด้วยนายโมเสส ท่ามกลางฝูงชนชาวปาเลสไตน์ที่เข้ามารุมล้อมรอบรถของกลุ่มจิฮัด ที่ใช้เคลื่อนย้ายตัวประกัน ทั้งนี้ ไม่พบว่ามีการลงนามในเอกสารเหมือนกับเจ้าหน้าที่องค์การกาชาดสากล ที่ต้องลงนามร่วมกับกลุ่มฮามาส

สำหรับการปล่อยตัวประกันในวันที่ 30 ม.ค. เป็นผลสืบเนื่องมาจากที่ในการดำเนินตามข้อตกลงครั้งล่าสุดที่ผ่านมา กลุ่มฮามาสได้ฝ่าฝืนข้อตกลงดังกล่าว โดยเลือกปล่อยตัวประกันทหารหญิงออกมาก่อน แทนที่จะเป็นพลเรือนหญิง ทั้งยังไม่มีการปล่อยตัวประกันเด็ก ทำให้มีการกดดันจากรัฐบาลอิสราเอลว่าจะไม่อนุญาตและไม่เปิดทางให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา เดินทางออกจากทางตอนใต้เพื่อกลับไปยังบ้านของตัวเองในทางตอนเหนือ ขณะที่กลุ่มฮามาสเตรียมปล่อยตัวประกันอีกชุดในวันที่ 1 ก.พ.

ขณะที่ตัวประกันชาวไทยที่กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาประกาศว่า ในการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลในวันที่ 30 ม.ค. จะมีการปล่อยตัวประกันชาวไทย รวม 5 คน จากที่จับกุมไป 6 คนออกมาด้วย ขณะที่กองทัพอิสราเอลยืนยันเช่นกันว่าตัวประกันชาวไทย 5 คนจะได้รับอิสรภาพ แต่ยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มฮามาสจะดำเนินการเช่นไร จะปล่อยพร้อมกันหมดหรือทยอยปล่อย หรือปล่อยตัวประกันแบบต่างสถานที่ โดยตัวประกันไทยที่ได้รับการปล่อยตัวออกมามีนายพงษ์ศักดิ์ แทนนา นายเสถียร สุวรรณคำ นายวัชระ ศรีอ้วน นายบรรณวัชร แซ่ท้าว และนายสุรศักดิ์ ลำเนา โดยกองทัพอิสราเอลเป็นฝ่ายพาตัวประกัน เดินทางออกจากฉนวนกาซาไปยังฐานทัพของอิสราเอล ใกล้กับคิบบุตซ์เร’อิม ชายแดนอิสราเอล-ฉนวนกาซา เข้าตรวจสุขภาพอย่างละเอียด ขณะเดียวกัน ยังไม่ทราบชะตากรรมของตัวประกันชาวไทยอีก 1 คน คือ นายณัฐพงษ์ ปินตา แต่เชื่อว่าแรงงานไทยคนดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่

วันเดียวกันที่กระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการปล่อยตัวประกันแรงงานไทย 5 คน ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทั้ง 5 คนได้รับอิสรภาพหลังต้องตกเป็นตัวประกันนานกว่า 1 ปี ทุกฝ่ายพยายามช่วยเหลือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน พยายามประสานกับทางการ อิสราเอลให้ติดตามช่วยเหลือคนที่ยังตกเป็นตัวประกัน จากการหารือกับ รมว.มหาดไทย รมว.แรงงาน และ รมว.เกษตรและพัฒนาชนบท แห่งรัฐอิสราเอล ที่กรุงเทลอาวีฟ ถึงการขยายตลาดแรงงานไทยได้ขอให้ทางการอิสราเอลติดตามดูแลคนที่ยังตกเป็นตัวประกัน

นายบุญสงค์กล่าวอีกว่า หลังจากปล่อยตัวแล้วตัวประกันทุกคนยังต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพร่างกายอีกราว 5 วัน จากนั้นสถานทูตจะรับไปดูแล ดำเนินการขั้นตอนส่งกลับ ได้ให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ไปติดตามดูแลจนถึงส่งกลับประเทศ รวมทั้งให้ 5 เสือแรงงานในภูมิลำเนาของตัวประกันทุกคนลงไปพบญาติพี่น้องเพื่อเตรียมต้อนรับรวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งจากอิสราเอลและไทย

...

สำหรับรายชื่อแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 6 ราย ประกอบด้วย 1.นายณัฐพงษ์ ปินตา ภูมิลำเนาอยู่ ต.ร้องกวาง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ 2.นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา ต.บ้านครู อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ 3.นายเสถียร สุวรรณคำ ต.บ้านพร้าว อ.หนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู 4.นายวัชระ ศรีอ้วน ต.ท่าลี่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี 5.นายสุรศักดิ์ ลำเนา ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี 6.นายบรรณวัชร แซ่ท้าว ต.ทุ่งช้าง อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 2 บ้านหัน ต.บ้านพร้าว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ของนายเสถียร หรืออ้น สุวรรณคำ 1 ในตัวประกันแรงงานไทยที่ถูกปล่อยออกมา พบนางหนูกัน สุวรรณคํา อายุ 60 ปี แม่นายเสถียรเผยว่า ดีใจมากเมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค. กงสุลอิสราเอลโทร.มาแจ้งว่าลูกชายมีรายชื่อที่จะได้รับการปล่อยตัว แค่รู้ข่าวว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่ก็ดีใจที่สุดแล้วเพราะตั้งแต่ลูกชายถูกจับไปตนหมดความหวังแต่ตอนนี้มีความหวังแล้ว อยากให้ลูกชายกลับมาเร็วๆ

ขณะที่นางคำมี ลำเนา อายุ 53 ปี และนายจันดา ประชานันท์ พ่อแม่นายสุระศักดิ์ ลำเนา ที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบที่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 2 ต.นาไหม จ.อุดรธานี ทั้งสองเผยว่าหลังรู้ข่าวลูกถูกจับเป็นตัวประกันตกใจมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนได้รับการติดต่อจากทางการว่าลูกชายปลอดภัยก็โล่งใจ กระทั่งก่อนหน้านี้ 1 เดือนได้รับจดหมายแจ้งว่ากำลังรอเจรจาและมีเจ้าหน้าที่จากกรมแรงงานมาพบให้กำลังใจ บอกว่าลูกยังมีชีวิตอยู่และจะได้รับการปล่อยตัว กระทั่งกงสุลอิสราเอลโทรศัพท์มายืนยันว่ามีรายชื่อของลูกถูกปล่อยตัวออกมาก็ดีใจว่าลูกปลอดภัยแล้ว ขอขอบคุณหน่วยงานรัฐบาลทุกหน่วยงานที่ติดต่อประสานงานให้ลูกชายได้รับความปลอดภัย และจะไปรับลูกชายที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ด้านครอบครัวของนายพงษ์ศักดิ์ หรือต้อม แทนนา อายุ 37 ปี แรงงานไทยตัวประกัน ที่เป็นชาว อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ หลังทราบข่าวว่าลูกชายถูกปล่อยตัวออกมาเป็นอิสระแล้วต่างดีใจถือเป็นปาฏิหาริย์ โดยนายวิราศ แทนนา อายุ 65 ปี พ่อของนายพงษ์ศักดิ์ เล่าว่า ลูกชายไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ประมาณ 6 ปี หลังถูกจับตัวไม่ทราบข่าวคราวลูกเลย ได้แต่คิดว่า 50-50 เพราะข่าวเงียบไป และไม่มีใครส่งข่าวให้รู้ว่าลูกเป็นตายร้ายดีอย่างไร ยอมรับว่าตอนนั้นทำใจแล้ว จนเมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค. เจ้าหน้าที่สถานทูต ไทยโทรศัพท์แจ้งมาว่า จะมีการปล่อยแรงงานไทย 5 ราย และหนึ่งในนั้นมีชื่อลูกชายด้วย ดีใจจนบอกไม่ถูก และไม่รู้จะเอาอาหารอะไรให้ลูกกินเป็นมื้อแรกที่ได้กลับบ้านเกิด ทั้งนี้ ผูกแขนรับขวัญลูกชาย หลังจากนั้นจะให้ลูกชายบวชเพราะได้บนเอาไว้ตั้งแต่ติดต่อลูกชายไม่ได้ ส่วนหนี้สินที่ลูกกู้เป็นค่าใช้จ่ายเดินทางกว่า 200,000 บาท ตนใช้หนี้ให้หมดแล้วและตั้งใจจะไปรับลูกชายด้วยตัวเองที่สนามบินแต่ต้องรอฟังรายละเอียดจากสถานทูตก่อน ขอบคุณทุกหน่วยงาน ทุกๆสื่อที่เป็นกระบอกเสียงให้ หลังจากนี้คงจะไม่ให้ลูกชายกลับไปทำงานที่เก่าอีกแล้ว ให้ใช้ชีวิตอยู่บ้านเกิดน่าจะดีกว่า

...

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวไทยรัฐ จ.แพร่ ไปที่บ้านเลขที่ 22/4 ม.11 บ้านแม่ยางโพธิ์ ต.ร้องกวาง อ.ร้องกวาง ของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว พบนายลพ ปินตา อายุ 84 ปี พ่อนายณัฐพงษ์ และญาติๆที่มารอฟังข่าวการปล่อยตัวนายณัฐพงษ์ นายลพเผยว่าหลังทราบว่าลูกชายถูกจับเป็นตัวประกันก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวลูกชายจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา ด้าน น.ส.ธัญชนก ปินตา อายุ 52 ปี พี่สาวนายณัฐพงษ์เผยว่า เพิ่งรู้ข่าวน้องชายไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมายังไม่กล้าบอกพ่อแม่ยังเฝ้ารอคอยอยู่ที่บ้านใน จ.แพร่ ตนอยู่ระหว่างประสานทางการไทย ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าได้แต่รอความหวังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ครอบครัวยังเชื่อว่าน้องชายยังมีชีวิตอยู่

ต่อมาเวลา 20.10 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ทวีตข้อความผ่าน X ว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ รับแจ้งจากท่านทูตไทยที่อิสราเอลยืนยันว่าตัวประกันคนไทย 5 คน ได้รับการปล่อยตัวออกจากกาซาแล้ว เป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลดำเนินการผลักดันต่อเนื่อง ทุกคนรอคอยมานาน รัฐบาลไทยขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกาตาร์ อียิปต์ อิหร่าน ตุรกี สหรัฐฯ และมิตรประเทศ รวมทั้งสภากาชาดสากล สำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง และขอขอบคุณอิสราเอลที่ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้คนไทยทั้ง 5 คนเดินทางกลับประเทศ ดิฉันสั่งการหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องให้เร่งประสานงานกับฝ่ายอิสราเอล เพื่อให้พวกเขาเดินทางกลับไทยอย่างปลอดภัย มอบหมายให้ รมว.ต่างประเทศเดินทางไปอิสราเอลเพื่อกำกับดูแลให้ทั้ง 5 ท่านกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวโดยเร็ว “ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนไทยที่ยังคงเหลืออยู่ในกาซาจะถูกปล่อยตัว และกลับบ้านอย่างปลอดภัยเช่นกัน”

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

...