กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลังมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารบริษัทเมตา เจ้าของโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก อินสตาแกรมและเธรดส์ เตรียมยกเลิกการใช้ “Fact Checker” หรือ “เครื่องมือตรวจสอบข้อเท็จจริง”
บริษัทเมตามองว่าการตรวจสอบเนื้อหาต่างๆในปัจจุบันนี้มีอคติทางการเมืองมากจนเกินไป แทนที่จะสร้างความเชื่อมั่นก็กลายเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสารมากกว่า บริษัทมีแผนยกเลิกข้อบังคับบางส่วนในการกล่าวถึงประเด็นอ่อนไหวต่างๆ อาทิ ผู้อพยพ และเรื่องเพศ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้คนสามารถบอกเล่าถึงความเชื่อและประสบการณ์ในประเด็นเหล่านี้ แต่ยังกำกับดูแลเนื้อหาที่ผิดกฎหมายและรุนแรงมาก เช่น ยาเสพติด การก่อการร้ายและการทำร้ายตัวเอง ส่วนการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่รุนแรงน้อยกว่าจะขึ้นอยู่กับการรายงานของผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม
อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ยังไม่ได้ถูกบังคับใช้ทั่วโลก แต่จะเริ่มแค่ในสหรัฐฯ ก่อน โดยจะทำการย้ายทีมคัดกรองเนื้อหาจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังรัฐเท็กซัส และพื้นที่อื่นๆในสหรัฐฯ ซึ่งมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เชื่อว่า การโยกย้ายนี้จะลดความกังวลในเรื่องการใช้อคติทางการเมืองในการคัดกรองเนื้อหา ช่วยสร้างความไว้วางใจแก่ผู้ใช้งาน อีกทั้งบริษัทเมตาจะหันมาใช้ฟีเจอร์ในลักษณะเดียวกับแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของอีลอน มัสก์ อย่างฟีเจอร์ “Community Notes” ที่ให้ผู้ใช้งานช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล ด้วยการใส่หมายเหตุเพื่ออธิบายเนื้อหาใต้โพสต์นั้นๆ
ด้านพนักงานของบริษัทเมตาเผยความกังวลกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้มีเนื้อหาสร้างความเกลียดชังเพิ่มขึ้น ขณะที่พนักงานรายหนึ่งเห็นด้วยกับแนวทางใหม่ของผู้บริหาร มองว่าการใช้ Community Notes ช่วยสร้างความเข้าใจในเนื้อหาต่างๆ โดยอยู่บนพื้นฐานของความจริงมากกว่า Fact Checker
...
ส่วนโจเอล แคปแลน หัวหน้าฝ่ายกิจการระดับโลกของเมตาเผยว่า แนวทางนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมในการตัดสินว่าเนื้อหาต่างๆ ที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มมีความถูกต้องหรือสร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือไม่.
ญาทิตา เอราวรรณ
คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม