โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงข่าวมาราธอน โดยพูดถึงหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องกรีนแลนด์และคลองปานามา นอกจากนั้นยังวิจารณ์ไบเดนที่แบนขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งเป็นการทิ้งทวนด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จัดงานแถลงข่าวมาราธอนที่รีสอร์ท มาร์-อา-ลาโก ในวันที่ 7 ม.ค. 2568 โดยเขาพูดหลายประเด็นรวมถึง ความต้องการเกาะกรีนแลนด์กับคลองปานามา จวกประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่แบนการขุดเจาะน้ำมัน และเปรยเรื่องการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา

นายทรัมป์เริ่มการแถลงข่าวด้วยการประกาศเรื่องเงินลงทุนมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์จากบริษัท “ดามัค พร็อพเพอร์ตี้” (DAMAC Properties) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในตะวันออกกลาง เพื่อนำมาสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภูมิภาคมิดเวสต์ และแถบซันเบลท์ (Sun Belt) หรือ 15 รัฐตอนใต้ของสหรัฐฯ

จวก โจ ไบเดน

จากนั้นนายทรัมป์เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วไปวิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวล่าสุดประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่สั่งห้ามขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่ในพื้นที่นอกชายฝั่งสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด โดยไม่มีการกำหนดเวลาหมดอายุ

“เรากำลังสืบทอดสถานการณ์ที่ยากลำบากจากรัฐบาลที่กำลังจะจากไป และพวกเขากำลังพยายามทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้อะไรๆ มันยากยิ่งขึ่น” นายทรัมป์กล่าว และเสริมว่ารัฐบาลไบเดนไม่ได้อำนวยความสะดวกแก่การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างราบรื่นเลย

นายทรัมป์ประกาศด้วยว่า เขาจะย้อนคืนคำสั่งของไบเดนทันทีที่รับตำแหน่ง แต่การทำจริงนั้นยุ่งยากกว่าที่คิด เนื่องจากคำสั่งของไบเดนไม่ได้กำหนดวันหมดอายุ มันจึงถือว่ามีผลถาวร และจำเป็นต้องให้สภาคองเกรสเป็นผู้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง ซึ่งประธานาธิบดีลงมือทำเองในทันทีไม่ได้

...

เปรยเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก ยึดคลองปานามา

ในงานแถลงข่าว นายทรัมป์ยังพูดถึงเรื่องความปรารถนาของเขาในการให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมเกาะกรีนแลนด์กับคลองปานามา โดยทรัมป์เปรยเรื่องการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และบอกว่า “ช่างเป็นชื่อที่สวยงาม และมันเหมาะสม เหมาะสมจริงๆ”

ทั้งนี้ นายทรัมป์พูดถึงเรื่องการซื้อเกาะกรีนแลนด์ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกแล้ว แต่ถูกทางการของกรีนแลนด์ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง แต่นายทรัมป์กำลังพยายามผลักดันเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง หลังชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 แม้ว่านายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์จะระบุว่า เกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายทรัมป์ว่า เขาสามารถรับรองได้หรือไม่ว่าจะไม่ใช้กองกำลังทหารและการกรรโชกทางเศรษฐกิจ ในภารกิจยึดการควบคุมดินแดนทั้งสองแห่ง ซึ่งนายทรัมป์ตอบว่า “ไม่ ผมไม่สามารถรับประกันทั้งสองเรื่องนั้นได้ แต่ผมพูดได้ว่า เราต้องการพวกมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”

นายทรัมป์ยังพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าจากเดนมาร์กในระดับสูงมาก หากเดนมาร์กขัดขืนความพยายามของเขาในการเข้าควบคุมเกาะกรีนแลนด์ โดยอ้างว่า เดนมาร์กไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายใดๆ ในเกาะแห่งนี้

โดนัลด์ ทรัมป์ ยังกล่าวโจมตีนายจิมมี คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งถึงแก่อสัญกรรมไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะมีอายุ 100 ปี ว่า เป็นคนที่ทำให้เกิดสนธิสัญญาคลองปานามา ซึ่งให้ชาติในอเมริกากลางได้สิทธิ์ควบคุมน่านน้ำอันแสนสำคัญนี้

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า นายคาร์เตอร์เป็นคนดี แต่เขาเชื่อว่าการเสียคลองปานามาไปคือเหตุผลที่คาร์เตอร์ไม่ชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2

โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สตีเฟน วิทคอฟฟ์
โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สตีเฟน วิทคอฟฟ์

ขู่ฮามาสนรกแตกแน่

ที่งานแถลงข่าว นอกจากนายทรัมป์แล้วยังมีนาย สตีเวน วิทคอฟฟ์ ผู้ที่เขาเลือกให้เป็นทูตพิเศษประจำตะวันออกกลางคนใหม่ เข้าร่วมด้วย โดยทั้งคู่โดนนักข่าวถามเรื่องความพยายามในการบรรลุข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เพื่อหยุดยิงในฉนวนกาซาและปล่อยตัวประกันที่เหลือ

“นรกแตกแน่หากตัวประกันเหล่านั้นไม่กลับมา และหากพวกเขายังไม่กลับมาก่อนผมรับตำแหน่งละก็ นรกจะแตกทุกขุมในตะวันออกกลาง” เมื่อนักข่าวขอให้ขยายความว่าเขาหมายความว่าอย่างไร นายทรัมป์ตอบเพียงว่า “มันจะไม่ดีต่อฮามาส และไม่ดีต่อใครทั้งนั้น”

ด้านนายวิทคอฟฟ์ กล่าวว่า การเจรจาเรื่องการปล่อยตัวประกันกำลังมีความคืบหน้าอย่างยิ่ง ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของกาตาร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางเจรจา ระบุว่า การเจรจาหยุดยิงระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลยังคงดำเนินต่อไป

ไม่ปิดโอกาสอภัยโทษผู้ก่อจลาจล 6 ม.ค.

นายทรัมป์ปฏิเสธที่จะรับรองว่า เขาจะไม่อภัยโทษให้แก่ผู้ก่อเหตุจลาจลเมื่อ 6 ม.ค. 2564 หลายคนที่ถูกตั้งข้อหาใช้ความรุนแรง และผู้ที่ก่อเหตุทำร้ายตำรวจ

“อืม คุณก็รู้ ว่ามีแค่คนเดียวที่เสียชีวิตคือหญิงสาวคนงามชื่อ แอชลีย์ แบบบิตต์” นายทรัมป์กล่าว โดยเป็นความพยายามลดทอนความรุนแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาคารัฐสภาเมื่อ 6 ม.ค. โดยจากมีผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์กฎหมายบาดเจ็บอีกกว่า 140 นาย

นายทรัมป์ยังพูดข้อมูลเท็จอีกครั้งด้วยว่า ไม่มีใครในหมู่ฝูงชนที่พบอาวุธปืน

ชื่นชมเมตา เลิกใช้ผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอิสระ

นักข่าวถามนายทรัมป์เรื่องที่บริษัท เมตา เตรียมเลิกใช้งานผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอิสระ บนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม และแทนที่ด้วยระบบหมายเหตุชุมชน (community notes) แบบเดี่ยวกับ X หรือชื่อเดิมคือ ทวิตเตอร์ ใช้งาน

...

“ผมดูการแถลงข่าวของพวกเขาแล้ว และผมคิดว่าเป็นการแถลงข่าวที่ดีมาก ผมคิดว่าพวกเขาซื่อตรง ผมคิดว่าพวกเขามีพัฒนาการ ทั้งเมตาและเฟซบุ๊ก ผมคิดว่าพวกเขามาไกลมาก” นายทรัมป์กล่าว

และเมื่อถือว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายของนายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก เกี่ยวข้องกับคำขู่ของนายทรัมป์ในอดีตหรือไม่ โดยนายทรัมป์ตอบว่า “เป็นไปได้”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : abcnews