Emilia Pérez และ The Brutalist คว้ารางวัลใหญ่ในการประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำประจำปี 2025 ขณะที่เดมี มัวร์ คว้ารางวัลด้านการแสดงเป็นครั้งแรกจาก The Substance
Emilia Pérez ภาพยนตร์เพลงภาษาสเปนเกี่ยวกับพ่อค้ายาชาวเม็กซิกันที่แปลงเพศ คว้ารางวัลใหญ่จากงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่ 82 ภาพยนตร์เรื่องนี้คว้ารางวัลไปทั้งหมด 4 รางวัล รวมถึงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก โซอี ซัลดานา และภาพยนตร์ตลกหรือเพลงยอดเยี่ยม
ส่วน The Brutalist ภาพยนตร์ความยาว 3 ชั่วโมงครึ่ง เกี่ยวกับสถาปนิกชาวฮังการีที่สร้างชีวิตใหม่ในสหรัฐฯ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง คว้ารางวัลมาได้ 3 รางวัล ได้แก่ ภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเอเดรียน โบรดี และผู้กำกับยอดเยี่ยมจากแบรดี คอร์เบ็ต
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคว้ารางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยผู้กำกับฌาร์ก ออเดียร์ด ชาวฝรั่งเศส ขึ้นเวทีพร้อมล่ามชาวฝรั่งเศสเพื่อรับรางวัล เขากล่าวว่า "ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ผมหวังว่าเอมีเลีย เปเรซ จะเป็นแสงสว่างส่องทาง" เขากล่าว "ฉันหวังว่าจะโอบกอดผู้ที่กำลังกังวลใจ ผมขอให้พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอและหวังว่าวันข้างหน้าจะดีขึ้น"
ด้านเดมี มัวร์ ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในละครเพลงหรือตลก จากผลงานการแสดงในหนังสยองขวัญเรื่อง "เดอะ ซับสแทนซ์" (The Substance) ซึ่งอาจทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ เธอกล่าวว่า "ตอนนี้ฉันตกใจมาก ฉันไม่ได้คาดหวังแบบนั้นเลย ฉันอยู่ในวงการนานกว่า 45 ปีแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับรางวัลในฐานะนักแสดง"
ในสุนทรพจน์รับรางวัล มัวร์กล่าวว่า "เมื่อ 30 ปีที่แล้ว โปรดิวเซอร์คนหนึ่งบอกฉันว่าฉันเป็นแค่นักแสดงหนังตลาด ซึ่งมันหมายความว่า ฉันไม่คู่ควรที่จะได้รับรางวัล ฉันเป็นนักแสดงประเภทที่จะไปอยู่ในหนังใหญ่ๆ ทำเงินอย่างเดียว ฉันไม่มีความคิดอ่านอะไร และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉันเชื่อเช่นนั้นมาตลอดและมันก็กร่อนเซาะฉันตลอดมา และเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี่เอง ฉันยังคิดอยู่เลยว่า มันคงเท่านี้แหละ ฉันน่าจะทำสิ่งที่ฉันควรทำได้จนหมดแล้ว และในขณะที่ฉันอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดนั่นเอง ฉันก็ได้รับบทหนังแสนมหัศจรรย์ กล้าหาญ แหวกขนบ และบ้าะระห่ำที่ชื่อ The Substance มาวางบนโต๊ะ พร้อมกับที่จักรวาลบอกฉันว่า เธอยังไม่จบเท่านี้หรอก"
...
เซบาสเตียน สแตน ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในละครเพลงหรือตลกจากเรื่อง A Different Man ซึ่งแสดงเป็นตัวละครที่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง ด้านคีแรน คัลกิน ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากการแสดงใน A Real Pain ซึ่งเป็นเรื่องราวของลูกพี่ลูกน้องสองคนที่เดินทางไปทั่วโปแลนด์เพื่อรำลึกถึงคุณยายของพวกเขา
ส่วนจอน เอ็ม ชู ผู้กำกับภาพยนตร์รับรางวัลจาก Wicked สำหรับความสำเร็จด้านรายได้ และยกย่องแฟนคลับที่ภักดีของภาพยนตร์และละครเพลงเรื่องนี้
ขณะที่รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชัน ภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลายอย่าง The Wild Robot และ Inside Out 2 ต้องพ่ายแพ้ให้กับ Flow ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับสัตว์ที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชีวิตรอดหลังจากน้ำท่วม
นอกจากนี้ "เบบี้ เรนเดียร์" (Baby Reindeer) ยังได้รับรางวัลซีรีส์ทีวีจำกัดตอนยอดเยี่ยม โดยริชาร์ด แก็ดด์ ผู้เขียนบทและผู้สร้างเป็นผู้รับรางวัลนี้ และเจสสิกา กันนิ่ง นักแสดงสาวชาวอังกฤษ ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากบทบาทสตอล์กเกอร์ในซีรีส์ดังที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์
โคลิน ฟาร์เรลล์ นักแสดงชาวไอริช คว้ารางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่สาม จากการรับบทเป็นเพนกวิน ตัวร้ายของแบทแมน ในซีรีส์ของ HBO ที่มีชื่อเรื่องเดียวกัน
ขณะที่ "โชกุน" (Shogun) ได้รับรางวัลซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม โดยแอนนา ซาวาอิ, ฮิโรยูกิ ซานาดะ และ ทาดาโนบุ อาซาโนะ ต่างคว้ารางวัลด้านการแสดงไปอย่างพร้อมเพรียง ส่วน "แฮ็คส์" (Hacks) ได้รับรางวัลซีรีส์เพลงหรือตลกทางทีวียอดเยี่ยม
รางวัลลูกโลกทองคำถือเป็นพิธีมอบรางวัลภาพยนตร์ครั้งสำคัญครั้งแรก ซึ่งจะปิดท้ายด้วยรางวัลออสการ์ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ การได้รับรางวัลจากลูกโลกทองคำจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของภาพยนตร์ในช่วงเวลาสำคัญ เมื่อผู้ลงคะแนนรางวัลบาฟตาและออสการ์เตรียมกรอกบัตรลงคะแนนให้แก่ภาพยนตร์ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัล.
ที่มา BBC
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign