เมื่อเข้าสู่ปีใหม่ หลายคนก็มีเป้าหมายที่อยากจะทำให้สำเร็จให้ได้ และหนึ่งในนั้นก็คงเป็นเรื่องของการทำงานที่ต้องการพัฒนาทักษะให้เก่งขึ้น หรือการมองหางานใหม่ ส่วนหลายบริษัทอาจมีการเริ่มวางแผนหรือปรับกลยุทธ์ในการรับพนักงานเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในองค์กร ซึ่งแนวโน้มในตลาดแรงงานก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
ไม่นานมานี้ อินดีด (Indeed) เว็บไซต์หางานยอดนิยมจากสหรัฐอเมริกา เผยรายงานแนวโน้มการจ้างงานในสหรัฐฯ พบว่า นับแต่เดือน ม.ค. จนถึงเดือน พ.ย.2567 การประกาศรับสมัครงานในสหรัฐฯลดลง เฉลี่ยเดือนละ 180,000 ตำแหน่ง แต่ยังถือว่ามีจำนวนมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่เดือนละ 166,000 ตำแหน่งต่อเดือน
ขณะที่อุตสาหกรรมหลักในประเทศ ได้แก่ บริการสุขภาพ ราชการ และการท่องเที่ยว มีอัตราการจ้างงานลดลง โดยในภาคส่วนราชการมีการจ้างงานเฉลี่ยอยู่ที่ 38,000 ตำแหน่งต่อเดือน และคาดว่าอาจลดลงอีก เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการใน 20 ม.ค.นี้ มีแนวนโยบายต้องการลดขนาดราชการ ขณะที่ภาคส่วนที่มีการจ้างงานน้อยสุดคือเทคโนโลยี และการก่อสร้าง
สำหรับอัตราการจ้างงานยังลดลงมาอยู่ที่ราว 3.3% เช่นเดียวกับอัตราการลาออกก็พบว่ามีการลดลงโดยอยู่ที่ 2.1% ซึ่งในส่วนนี้อาจสะท้อนได้ว่า แรงงานไม่มีความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง จึงยังคงทำงานที่เดิมต่อไปจนกว่าจะมั่นใจและพร้อมออกไปเติบโตในงานใหม่ๆ
แน่นอนว่าโรคโควิด-19 เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมการทำงานเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการปรับแนวทางการทำงานมาเป็นการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) แต่หลังจากการแพร่ระบาดทุเลาลง วิถีชีวิตเริ่มกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ หลายบริษัททยอยกลับมาใช้นโยบายเดิมคือการเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น ส่งผลให้การประกาศรับสมัครงานที่ระบุว่าสามารถทำงานที่บ้านลดลงเหลือ 7.8% จากที่เคยได้รับการให้ความสำคัญจากนายจ้างอย่างมากในปี 2565 ที่พุ่งสูงถึง 10.4% กระนั้นก็ยังมากกว่าในช่วงก่อนโควิดที่เคยอยู่ที่ราว 3.3%
...
ด้านการระบุคุณสมบัติของผู้สมัครก็มีการเปลี่ยนแปลง หลายบริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับวุฒิการศึกษาลดลง โดยมีการกำหนดว่าต้องมีวุฒิการศึกษาปริญญาตรีอยู่ที่ 17.6% น้อยกว่าปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 20% อีกทั้งเริ่มมีการระบุคุณสมบัติที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ หรือ “เอไอ”.
ญาทิตา เอราวรรณ
คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม