ชาวเปอร์โตริโกต้องเผชิญกับความมืดมิดในวันส่งท้ายปีเก่า เนื่องจากไฟฟ้าดับเกือบทั่วทั้งเกาะ

ชาวเปอร์โตริโกต้องเผชิญกับความมืดมิดในวันส่งท้ายปีเก่า เนื่องจากไฟฟ้าดับเกือบทั่วทั้งเกาะ โดยบริษัทลูมา เอเนอร์ยี ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายไฟฟ้าหลักของเกาะกล่าวว่า ลูกค้ากว่า 1.2 ล้านคน จากจำนวนทั้งหมดเกือบ 1.5 ล้านคน ไม่มีไฟฟ้าใช้ บริษัทกล่าวว่าการซ่อมแซมไฟฟ้าให้กลับมาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์อาจต้องใช้เวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมง

ไฟฟ้าดับครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาไฟฟ้าในพื้นที่ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดพายุเฮอริเคนมาเรียในปี 2017 บริษัทลูมากล่าวว่า ไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ในบางพื้นที่และโรงพยาบาลของกรุงซานฮวนแล้วในช่วงบ่ายวันที่ 31 ธ.ค. และลูกค้าเกือบ 200,000 ราย มีไฟฟ้าใช้ภายในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

นายซอร์เรนตินี โฆษกของบริษัทลูมา กล่าวว่าสายไฟของโรงไฟฟ้าหลักแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า คอสตา ซูร์ เกิดขัดข้อง ทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับเป็นทอดๆ ทั่วเกาะ

ทำเนียบขาวกล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว และเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้พูดคุยกับผู้ว่าการเปอร์โตริโกเพื่อเสนอความช่วยเหลือ 

เจนนิเฟอร์ กอนซาเลซ-โคลอน ผู้แทนรัฐสภาสหรัฐฯ ของเปอร์โตริโกคนปัจจุบัน และผู้ว่าการเปอร์โตริโกคนใหม่ กล่าวบน X ว่า "เราไม่สามารถพึ่งพาระบบพลังงานที่ล้มเหลวต่อประชาชนของเราได้อีกต่อไป" และกล่าวว่า "ไฟฟ้าดับในวันนี้และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นฟูยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของเรา"

ทั้งนี้ ชาวเปอร์โตริโกหลายแสนคนได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟฟ้าดับในปีนี้ โดยไฟฟ้าดับในเดือนมิถุนายนทำให้ลูกค้าประมาณ 350,000 รายไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น และลูกค้ามากกว่า 700,000 รายไม่มีไฟฟ้าใช้ หลังจากพายุเฮอริเคนเออร์เนสโตในเดือนสิงหาคม

...

ระบบไฟฟ้าของเปอร์โตริโกปัญหามาตั้งแต่ก่อนที่พายุเฮอริเคนมาเรียจะสร้างความเสียหายแก่เกาะนี้ แม้จะมีเงินทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยเสริมกำลังระบบไฟฟ้า อำนวยความสะดวกให้กับโครงการฟื้นฟูจากภัยธรรมชาติอื่นๆ และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่นๆ แต่การดำเนินการยังไม่เสร็จสมบูรณ์เนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น ปัญหาในการเริ่มก่อสร้างและข้อกำหนดของสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการอนุมัติการใช้เงินทุนบางส่วน ตามรายงานของสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024.

ที่มา BBC

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign