เชื่อว่าคนรัก “มังงะ” โดยเฉพาะกลุ่มเจนเอ็กซ์ ต้องรู้จักมักคุ้นและชื่นชอบ “Ashita no Joe” หนังสือการ์ตูนเรื่องดังสุดคลาสสิก ที่มีชื่อไทยว่า “โจ สิงห์สังเวียน” ผลงานของ อิกกิ คาจิวาระ หรือที่รู้จักในนามปากกา อาซาโอะ ทากาโมริ บอกเล่าเส้นทางชีวิตบนสังเวียนผืนผ้าใบได้อย่างลึกซึ้งกินใจ

วันเวลาล่วงเลยผ่านไป ในที่สุดการ์ตูนในตำนานเรื่องนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดี ถูกตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกและออกวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ในชื่อว่า “Ashita no Joe : Fighting for Tomorrow” เมื่อวันคริสต์มาสอีฟ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยราคา 59.95 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,050 บาท ส่วนเวอร์ชัน e-book ราคา 14.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 512 บาท

นับแต่ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ “โชเน็น” ระหว่างปี 2510-2516 มังงะเรื่องนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ในสังคมญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงเวลาหลังสงครามที่เต็มไปด้วยความหดหู่สิ้นหวังท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมืองอย่างรุนแรง ได้รับความนิยมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นแรงงานและนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ขณะที่ตัวละครเอกอย่าง “โจ ยาบูกิ” ยังถูกมองว่าเป็นไอดอลของชนชั้นแรงงาน และกลายเป็นหนึ่งในการ์ตูนแห่งความทรงจำที่สร้างแรงบันดาลใจให้ “กล้าหาญ และลุกขึ้นสู้”

ที่ผ่านมามังงะญี่ปุ่นได้ขยายความนิยมในสหรัฐฯกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้มีการแปลผลงานเรื่องต่างๆมาบ้างแล้ว รวมถึงเรื่องดังสุดคลาสสิก ขณะที่ความสนใจใน “คอนเทนต์” บันเทิงประเภทต่างๆจากญี่ปุ่นก็เริ่มกลับมาได้รับความสนใจในเวทีโลกมากขึ้น หลังความสำเร็จอย่างงดงามของซีรีส์ดัง “โชกุน” ดัดแปลงจากนวนิยายปี 2518 ของเจมส์ คลาเวลล์ นักเขียนชาวอังกฤษ-ออสเตรเลีย ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้โลกจารึกด้วยการกวาดรางวัลเอ็มมีมากถึง 18 รางวัล เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา สร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของญี่ปุ่นไม่น้อย

...

ในอดีตที่ผ่านมาก่อนการมาถึงของกระแสความนิยมสื่อบันเทิงจากเกาหลีใต้ อุตสาหกรรมโทรทัศน์ของญี่ปุ่นเป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ในภูมิภาค ละครโทรทัศน์ญี่ปุ่นในยุค 70’s-80’s ถือเป็นต้นแบบของอุตสาหกรรมละคร เช่นเดียวกับการ์ตูนแอนิเมชัน และเพลงญี่ปุ่น ล้วนได้รับการเผยแพร่และได้รับความนิยมไปทั่วเอเชีย.

อมรดา พงศ์อุทัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม